รายงานหลายฉบับเชื่อว่า มีการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เกิดขึ้นในอิหร่าน ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดของตะวันออกกลาง โดยรายงานดังกล่าวส่งสัญญาณเตือนไปทั่วโลก และสร้างความวิตกกังวลให้แก่อิสราเอล ซึ่งกำลังชั่งใจว่าจะโจมตีอิหร่านกลับหรือไม่
เมื่อค่ำของวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานตรวจพบแผ่นดินไหวขนาด 4.6 แมกนิจูดในอิหร่าน เมื่อเวลา 22.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองอราดัน ลึกลงไปใต้ดิน 10 กิโลเมตร และแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ไกลจนถึงกรุงเตหะรานที่อยู่ไกลออกไปราว 110 กิโลเมตร หลังจากนั้นไม่กี่นาที ก็มีแรงสั่นสะเทือนระลอกที่สองตามมา
ด้านผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียจำนวนมากเชื่อมโยงแรงสั่นสะเทือนเหล่านั้นเข้ากับความเป็นไปได้ที่อิหร่านอาจจะทดลองนิวเคลียร์ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียด หลังอิหร่านยิงมิสไซล์ใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้แทนเลบานอนที่ถูกอิสราเอลโจมตี
ขณะที่แหล่งข่าวกรองหลายแห่งเชื่อว่า อิหร่านทดสอบนิวเคลียร์จริง อย่างไรก็ตาม อิหร่านออกมาปฏิเสธเรื่องการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มาโดยตลอด และย้ำว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนเองมีเพื่อสันติภาพ แต่หลายประเทศ เช่น สหรัฐฯและอิสราเอล ตั้งข้อสงสัยในความตั้งใจของอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือซีไอเอ เปิดเผยว่า ความเสี่ยงของสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอยู่ในขั้นอันตรายมากจริงๆ แม้ว่าสหรัฐฯจะประเมินว่า อิหร่านและอิสราเอลไม่ได้มองหาความขัดแย้ง แต่อิสราเอลก็กำลังชั่งน้ำหนักอย่างระแวดระวังว่า จะตอบโต้การที่อิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธอย่างไรดี
สัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ บอกว่า เขาจะไม่สนับสนุนการที่อิสราเอลโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่า สหรัฐฯจะโน้มน้าวอิสราเอลสำเร็จหรือไม่ และในเวลานี้ ตลาดตกอยู่ในความตื่นตระหนก เนื่องจากความเป็นไปได้ที่อิสราเอลอาจจะโจมตีโรงงานน้ำมันในอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม หลังมีรายงานว่าอิหร่านอาจจะทดสอบนิวเคลียร์สำเร็จแล้ว ก็ทำให้อิสราเอลต้องกลับมาคิดใหม่ โดยแหล่งข่าวอิสราเอลชี้ว่า รัฐบาลจำเป็นต้องกลับมาพิจารณาแผนการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านใหม่ และอาจจะต้องยกเลิกแผนไป เพราะท่าทีที่ไม่เห็นด้วยจากพันธมิตรอย่างสหรัฐฯและยุโรป
ทั้งนี้ แม้จะมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่อิสราเอลเป็นชาติเดียวในตะวันออกกลางที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง