แสงจันทร์สาดส่อง ท้องน้ำระยิบระยับ ประทีปน้อยใหญ่ล่องลอยไปตามสายธาร... เทศกาลลอยกระทง อีกหนึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันงดงามของไทย ที่สืบทอดต่อกันมาช้านาน ไม่เพียงสะท้อนถึงความเชื่อและวิถีชีวิตของผู้คน แต่ยังแฝงไว้ด้วยพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอันน่าทึ่ง!
ในปีนี้ คาดการณ์ว่าเทศกาลลอยกระทงจะสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่าหมื่นล้านบาท กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในหลากหลายภาคส่วน ทั้งการท่องเที่ยว อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าต่างๆ เสมือนเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
เทศกาลลอยกระทง นอกจากจะเป็นประเพณีที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานในสังคมไทยแล้ว ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกด้วย
โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทยได้เผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน ในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ได้ทำการสำรวจประชาชน จำนวน 1,250 ตัวอย่างจากทั่วประเทศ
โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย พร้อมด้วย อาจารย์อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
พบว่า บรรยากาศเทศกาลลอยกระทงปี 2567 คึกคัก โดยประชาชนมีการวางแผนการใช้จ่ายสูงกว่าปีก่อน โดยปีนี้มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน 2,450 บาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำการสำรวจมา ส่งผลให้มีเงินสะพัด 10,355.18 ล้านบาท ขยายตัว 3.5% สูงสุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2559
อย่างไรก็ตาม ประชาชนพร้อมออกไปทำกิจกรรมแต่ยังคงมีความกังวลในเรื่องการใช้จ่ายเนื่องจากมีการซื้อจำนวนสินค้าลดลงในสัดส่วนที่สูงที่สุด 39.65%
สำหรับการวางแผนไปลอยกระทงส่วนใหญ่จะออกไปลอยกระทงและทำกิจกรรมอื่นด้วย โดย กลุ่มเจน Z คาดว่าจะออกไปลอยกระทงและทำกิจกรรมอื่น ๆ มากที่สุด 56.8% ตามมาด้วย เจน Y 54.1%
โดยมีเหตุผลลอยกระทงเพื่อขอพร และเป็นประเพณี ผ่อนคลายความเครียด และพาลูกเที่ยว ส่วนกลุ่มที่ไม่ไปลอย เพราะมีหนี้มากขึ้นไม่อยากเสียค่าใช้จ่าย ต้องการพักผ่อน และไม่ชอบคนเยอะ การเลือกกระทงจะเน้นที่มีการย่อยสลายง่าย
สำหรับสถานที่ที่จะไปลอยกระทงจะเน้นที่การเดินทางสะดวก 25.1% หรือใกล้บ้าน แต่กลุ่มเจน Z จะเน้นที่มีงานรื่นเริง 21.6% และเมื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ในภาพรวมประชาชนมักจะโพสรูปในเฟสบุ๊คเป็นหลัก แต่กลุ่มเจน Z จะเน้นโพสลงอินสตาแกรมมากสุด 34.0%
ด้านข้อมูลของทาง SCB คาดการณ์ว่าเทศกาลลอยกระทงในปี พ.ศ. 2566 จะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 10,005 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นสัญญาณเชิงบวกที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากปัจจัยสนับสนุน ดังต่อไปนี้
ถึงแม้ว่า ประเพณีลอยกระทง หนึ่งในเทศกาลที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมของไทย ซึ่งสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในยุคสมัยที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก ประเพณีลอยกระทงก็ต้องปรับตัว เพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ และคงไว้ซึ่งความงดงามทั้งในมิติทางวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ การรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาขยะ และหันมาใช้วัสดุธรรมชาติในการประดิษฐ์กระทง หลีกเลี่ยงวัสดุที่ย่อยสลายยาก เช่น โฟม หรือพลาสติก นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมให้ลอยกระทงร่วมกัน หรือลอยกระทงออนไลน์ เพื่อลดปริมาณกระทง และป้องกันมลพิษทางน้ำ
นอกจากประเพณีลอยกระทง ประเพณียี่เป็ง ซึ่งมีการปล่อยโคมลอย ก็เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ต้องปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากอัคคีภัย และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีการปล่อยโคมลอยเป็นจำนวนมาก หน่วยงานภาครัฐจึงได้ออกมาตรการควบคุมการปล่อยโคมลอยอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
การปรับเปลี่ยนรูปแบบของประเพณี มิใช่การลบล้างหรือทำลายคุณค่าดั้งเดิม แต่เป็นการสืบสานวัฒนธรรมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาของคนไทย ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับบริบทของโลก และก้าวไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืน
สรุปเพราะนอกเหนือจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว เทศกาลลอยกระทงยังเป็นโอกาสอันดีในการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันวัสดุที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการผลิตกระทง ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะและรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
ยิ่งไปกว่านั้น ประชาชนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะลอยกระทงผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และร่วมรณรงค์ให้ 1 ครอบครัว ลอยกระทงเพียง 1 ใบ
เทศกาลลอยกระทง ไม่เพียงแต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในหลากหลายมิติ เม็ดเงินสะพัดกว่าหมื่นล้านบาทที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงพลังของเทศกาลนี้ในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี พ.ศ. 2566 ที่คาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดกว่า 10,005 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เราต้องไม่ลืมที่จะตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป เทรนด์การลอยกระทงแบบรักษ์โลก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ การลอยกระทงออนไลน์ หรือการรณรงค์ให้ 1 ครอบครัว ลอยกระทง 1 ใบ ล้วนเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของคนไทยในการร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ท้ายที่สุดแล้ว เทศกาลลอยกระทงเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และคุณค่าของสังคมไทย การส่งเสริมให้เทศกาลนี้ดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการอนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนา เพื่อให้เทศกาลลอยกระทงยังคงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสืบไป
อ้างอิง SCB Thailand