ยุโรปแบกผลลัพธ์คว่ำบาตรรัสเซียอ่วม ฝรั่งเศสควัก 773 หมื่นล้านอุ้มราคาน้ำมัน ขณะที่นอร์เวย์แบกราคายาวถึงปีหน้า
วันนี้ (14 มี.ค. 2565) รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศทุ่มงบประมาณ 2,000 ล้านยูโร (เกือบ 74,000 ล้านบาท) ออกแพ็คเกจอุดหนุนราคาน้ำมันหน้าปั๊ม เพื่อช่วยลดผลกระทบให้กับผู้บริโภคที่กำลังต่อสู้กับราคาน้ำมันที่พุ่งสูง
นายกรัฐมนตรี ฌอง กาสเต็กซ์ ของฝรั่งเศส เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ เลอ ปาริเซียน ว่า ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลจะลดลง ประมาณ 0.15 ยูโรต่อลิตร (ราว 5.49 บาท/ลิตร) เพื่อช่วยให้เจ้าของรถจ่ายเงินค่าเติมน้ำมันถูกลง โดยรัฐบาลฝรั่งเศสจะเป็นผู้จ่ายส่วนต่างให้กับเจ้าของปั้มเอง เช่น หากเติมน้ำมันเต็มถัง 60 ลิตร ก็จะสามารถประหยัดเงินไปได้ถึง 9 ยูโร
มาตรการบรรเทาผลกระทบนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. และมีผลเป็นเวลา 4 เดือน จนถึงสิ้นเดือน ก.ค. โดยนับเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ในขณะที่ฝรั่งเศสกำลังจะมีการการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในเดือน เม.ย. ที่จะถึงนี้
นอกจากฝรั่งเศสแล้ว มีรายงานว่าอีกหลายประเทศในยุโรปต่างก็กำลังงัดมาตรการอุ้มราคาน้ำมัน หรือมีแผนที่จะเข้าอุดหนุนราคา เช่น "นอร์เวย์" ซึ่งประกาศขยายระยะเวลาการอุดหนุนค่าไฟออกไปอีก จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน เม.ย. นี้ ออกไปเป็นสิ้นเดือน มี.ค. 2023
ทางด้าน "เยอรมนี" ซึ่งเป็นประเทศที่เคยมีความสัมพันธ์ด้านพลังงานอย่างแนบแน่นกับรัสเซีย แต่ก็ต้องประกาศยกเลิกความร่วมมือโครงการท่อส่งก๊าซ นอร์ด สตรีม 2 ไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็มีรายงานว่าเตรียมออกมาตรการบรรเทาผลกระทบจากภาวะน้ำมันแพงเช่นกัน
นายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีคลังเยอรมนี กล่าวว่า มีแผนที่รัฐบาลจะช่วยอุดหนุนราคาเพื่อลดราคาน้ำมันหน้าปั๊มลงมาอยู่ที่ 2 ยูโ/ลิตร จากปัจจุบันที่พุ่งขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 ยูโร/ลิตร (ราว 80.53 บาท/ลิตร)