ที่ปรึกษารมว. เกษตรและสหกรณ์ชี้ไทยมีศักยภาพในการส่งออก ‘สับปะรด’ สูง โดยเฉพาะสับปะรดกระป๋องที่ไทยครองอันดับ 1 ผู้ส่งออกด้วยสัดส่วนตลาด 32% มูลค่าถึง 2 หมื่นล้านบาท
พร้อมเปิดแผนแผนพัฒนาสับปะรด 5 ปี (2023-2027) เผยเตรียมยก ‘ประจวบคีรีขันธ์’ เป็น ‘มหานครสัปปะรดของโลก’ ในปีหน้าเพื่อยกระดับยกระดับภาพลักษณ์ และขีดความสามารถไทยในฐานะผู้ส่งออกสัปปะรดกระป๋องอันดับหนึ่งของโลก
‘สับปะรด’ ผลไม้ส่งออกอันดับที่ 6 ของไทยในแง่มูลค่า อันดับที่ 2 ในแง่ปริมาณ
ผลไม้สดและแปรรูปเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของไทย โดยระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคมปี 2022 การส่งออกผลไม้ ทั้งแบบสด แห้ง และแช่แข็ง ทำรายได้ให้ไทยถึง 1.68 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.02% ของสินค้าส่งออกทั้งหมด โดยมี ‘ทุเรียน’ ครองแชมป์ผลไม้ที่มีมูลค่าส่งออกสูงที่สุดของไทยทั้งในแบบสดและแช่แข็ง ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรกสร้างรายได้ทั้งหมด 1.04 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลไม้หนึ่งที่มีมูลค่าการส่งออกเติบโตมากที่สุดในปีนี้คือ ‘สับปะรด’ ซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกอันดับที่ 6 ของไทยในแง่มูลค่า แต่เป็นอันดับที่ 2 ในแง่ปริมาณ
โดยจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วง 10 เดือนแรก สับปะรดทั้งแบบสดและแบบแช่แข็งทำรายได้ให้ไทยรวมแล้ว 709 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 196% และ 340.1% ตามลำดับ
ไทยส่งออกสับปะรดกระป๋องอันดับหนึ่งของโลก ประจวบผลิตมากที่สุด
สถิติข้างต้นเป็นตัวพิสูจน์ได้อย่างดีว่า สับปะรดเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่มีความสำคัญอย่างมากกับเศรษฐกิจของไทยในฐานะครัวโลก
โดยจากคำกล่าวของ อลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในฐานะประเทศผู้ส่งออกสับปะรด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สับปะรดกระป๋องที่ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ด้วยมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ครองสัดส่วนตลาดโลก 32% ตามมาด้วยฟิลิปปินส์ 22%
โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกสับปะรดมากที่สุด และมีโรงงานสับปะรดมากที่สุดในประเทศไทย คือ 'ประจวบคีรีขันธ์' รองลงมาเป็น ราชบุรี เพชรบุรี พิษณุโลก และระยอง และในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกสับปะรดกระป๋องอันดับ 1 ของโลก ประจวบคีรีขันธ์จึงมีความสำคัญเปรียบเสมือน ‘มหานครสับปะรดของไทยและของโลก’
ดังนั้น เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมผลิตสับปะรดของไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดแผนและเป้าหมายการเป็นมหานครสับปะรดของโลก ภายใต้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ พร้อมกับจัดทำแผนพัฒนาสับปะรด 5 ปี (2023-2027) เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตการแปรรูปและการตลาด
สำหรับการขับเคลื่อนสำคัญในปีหน้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีแผนจัดตั้ง “มหานครสับปะรด Pineapple metropolis” ที่ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่แหล่งผลิตหลักในไทย ทั้งจังหวัดเพชรบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี
นอกจากนี้ กระทรวงยังมีแผนใช้กองทุนพัฒนาผลไม้เป็นกลไกสำคัญเพื่อยกระดับรายได้ของชาวไร่สับปะรด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสับปะรดตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างยั่งยืนด้วยแนวทางเกษตรมูลค่าสูง
สถานการณ์การเพาะปลูกและผลผลิตสับปะรดในปี 65 มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 457,255 ไร่ คิดเป็นปริมาณผลผลิต 1.772 ล้านตัน โดยแหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี พิษณุโลก และระยอง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมา 0.39%, 2.68% และ 2.27% ตามลำดับ ทางด้านราคาตั้งแต่ปี 63 ถึงต้นปี 64 ราคาอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เกษตรกรรายใหม่ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น
ที่มา: Infoquest, กระทรวงพาณิชย์