Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เช็กที่นี่! มาตรการแก้หนี้บ้าน รถ SMEs ทางรอดใหม่ ฝ่าวิกฤตการเงิน
โดย : มนันพัทธ์ ธนนันท์พร

เช็กที่นี่! มาตรการแก้หนี้บ้าน รถ SMEs ทางรอดใหม่ ฝ่าวิกฤตการเงิน

11 ธ.ค. 67
17:46 น.
|
1.2K
แชร์

Highlight

ไฮไลต์

โครงการ “คุณสู้” สะท้อนถึงลูกหนี้ที่พร้อมจะสู้ต่อในการแก้ไขปัญหาหนี้ ส่วน “เราช่วย” คือ ภาครัฐและสถาบันการเงินที่พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อลดภาระและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกและประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น การระบาดของโรค การเปลี่ยนแปลงในระบบการค้า และความไม่แน่นอนทางการเงิน ประเด็นเรื่องการแก้ลูกหนี้ จึงกลายเป็นที่สนใจอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีภาระหนี้สินสูง เช่น ผู้กู้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs

เช็กที่นี่! มาตรการแก้หนี้บ้าน รถ SMEs ทางรอดใหม่ ฝ่าวิกฤตการเงิน

เพราะหนี้ครัวเรือน ถือเป็นปัญหาโครงสร้างที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและความยั่งยืนของเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ว่าภาครัฐและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะให้ความสำคัญและผลักดันการแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด แต่ด้วยภาวะค่าครองชีพที่สูงและรายได้ของบางครัวเรือนยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ปัญหานี้จึงยังคงอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มลูกหนี้เปราะบาง

ดังนั้น เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ภาครัฐ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ริเริ่มโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ โดยผสมผสานการให้ความช่วยเหลือและสร้างวินัยทางการเงินอย่างสมดุล

โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้เปิดตัวโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งประกอบด้วยมาตรการสำคัญ 2 มาตรการ ได้แก่ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” เพื่อช่วยลดภาระและให้โอกาสลูกหนี้กลับมาเริ่มต้นใหม่

รายละเอียดของโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”

โครงการนี้มีเป้าหมายแก้หนี้กว่า 2.1 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท โดยแบ่งการช่วยเหลือออกเป็น 2 มาตรการสำคัญ ได้แก่:

  1.  มาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์”
  •  แก้หนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็ก
  • ลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่ชำระจะถูกนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด
  • หากปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน เช่น ชำระตรงเวลา และไม่ก่อหนี้เพิ่มในช่วงปีแรก ดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับการยกเว้นทั้งหมด
  • วัตถุประสงค์หลัก คือ การช่วยลูกหนี้รักษาทรัพย์สินและลดภาระหนี้ในระยะยาว

 2. มาตรการ “จ่าย ปิด จบ”

  •  มุ่งช่วยลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย (NPL) และมียอดค้างชำระไม่เกิน 5,000 บาท
  • เปิดโอกาสให้ลูกหนี้เจรจาปรับโครงสร้างหนี้และชำระบางส่วน เพื่อให้ปิดบัญชีหนี้ได้เร็วขึ้น
  • มาตรการนี้ช่วยลดจำนวนหนี้เสีย และสร้างโอกาสใหม่ให้ลูกหนี้เริ่มต้นชีวิตทางการเงินอีกครั้ง

รูปแบบการช่วยเหลือ

มาตรการที่ 1: “จ่ายตรง คงทรัพย์”

  • ลดค่างวด เป็นเวลา 3 ปี โดยลดค่างวดลงตามสัดส่วน 50%, 70% และ 90% ของค่างวดเดิมในปีที่ 1, 2 และ 3 ตามลำดับ
  • พักดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะถูกยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ชำระเงินตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • ลูกหนี้ยังสามารถจ่ายค่างวดมากกว่าขั้นต่ำเพื่อเร่งตัดเงินต้นและปิดหนี้ได้เร็วขึ้น

คุณสมบัติของลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมได้

  • เป็นลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกินเงื่อนไข เช่น สินเชื่อบ้าน : ไม่เกิน 5 ล้านบาท สินเชื่อรถยนต์ : ไม่เกิน 8 แสนบาท และสินเชื่อ SMEs : ไม่เกิน 5 ล้านบาท
  • เป็นสัญญาที่ทำก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567
  • มีสถานะหนี้ค้างชำระระหว่าง 30-365 วัน หรือเคยปรับโครงสร้างหนี้มาก่อน

เงื่อนไขสำคัญ

  • ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่ในช่วง 12 เดือนแรก ยกเว้น SMEs ที่ต้องการเงินเสริมสภาพคล่อง
  • ลูกหนี้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการชำระค่างวดขั้นต่ำ มิฉะนั้นจะถูกยกเลิกสิทธิในมาตรการ

มาตรการที่ 2: “จ่าย ปิด จบ”

คุณสมบัติของลูกหนี้

  • ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีสถานะค้างชำระเกิน 90 วัน (NPL)
  • ยอดหนี้ต่อบัญชีไม่เกิน 5,000 บาท และสามารถเข้าร่วมได้หลายบัญชี
  • มาตรการนี้ช่วยเปลี่ยนสถานะลูกหนี้ให้กลับมามีโอกาสทางการเงินใหม่อีกครั้ง

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงการคลัง ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ Non-bank ซึ่งร่วมกันจัดสรรงบประมาณและวางแผนช่วยเหลือในรูปแบบ Co-payment โดยรัฐและสถาบันการเงินจะแบ่งภาระการช่วยเหลือฝ่ายละครึ่ง

ทั้งนี้ ความสำเร็จของโครงการขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของลูกหนี้ในการปฏิบัติตามเงื่อนไข ขณะที่ภาครัฐและเอกชนจะยังคงสนับสนุนกลไกต่าง ๆ เพื่อป้องกันการกลับไปสู่สถานการณ์เดิม

มุมมองจากผู้บริหาร

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดภาระหนี้ แต่ยังเสริมสร้างวินัยและเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้ปรับตัว พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทักษะ (upskill/reskill) เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงยิ่งขึ้น

โดยภาครัฐและเอกชนจึงร่วมกันออกโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ขนาดเล็ก ครอบคลุมลูกหนี้รวมจำนวน 2.1 ล้านบัญชี  เป็นลูกหนี้ 1.9 ล้านราย และมียอดหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท

ขณะที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธปท. ย้ำว่า โครงการนี้เน้นการแก้ปัญหาที่ต้นตอโดยเฉพาะการลดภาระเงินต้นและเพิ่มสภาพคล่องในช่วง 3 ปีแรก ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานที่มั่นคงให้ลูกหนี้และระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

“การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นงานที่ ธปท. ให้ความสำคัญและผลักดันมาต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจเติบได้อย่างยั่งยืน"

โดยโครงการนี้มี 2 จุดสำคัญที่ต่างจากที่ผ่านมา คือ

  1. การปรับโครงสร้างหนี้ ที่เน้นตัดเงินต้น และลดภาระผ่อนในช่วง 3 ปี เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้
  2. การร่วมสมทบเงิน (Co-payment) จากภาครัฐและสถาบันการเงินเพื่อช่วยลดภาระจ่ายของลูกหนี้

โดยชื่อของโครงการนี้สะท้อนความตั้งใจของทุกฝ่าย โดย “คุณสู้” สะท้อนถึงลูกหนี้ที่พร้อมจะสู้ต่อในการแก้ไขปัญหาหนี้ ส่วน “เราช่วย” คือ ภาครัฐและสถาบันการเงินที่พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อลดภาระและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ความสำเร็จของโครงการนี้ จึงถือเป็นความร่วมมือจากทั้งลูกหนี้ ภาครัฐ และเจ้าหนี้ ในการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก พร้อมสนับสนุนภาครัฐในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และผู้ประกอบธุรกิจ
รายเล็ก ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้การช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทลูกในกลุ่มได้ราว 1.5 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้กว่า 4 แสนล้านบาท"

Mr. Giorgio Gamba ประธานสมาคมธนาคารนานาชาติ กล่าวว่า “สมาคมธนาคารนานาชาติพร้อมสนับสนุนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบางให้สามารถชำระหนี้และไปต่อได้ และมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศอย่างเต็มที่

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า “สถาบันการเงินของรัฐ พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ และ ธปท. ในการสนับสนุนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” อย่างเต็มที่ และคาดว่ามีลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติที่ได้รับความช่วยเหลือผ่านมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs ทั้ง 2 มาตรการของสถาบันการเงินของรัฐ จำนวนประมาณ 6 แสนบัญชี คิดเป็นยอดหนี้กว่า 4.5 แสนล้านบาท”

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มองว่า มาตรการดังกล่าวนี้จะเป็นมาตรการที่สามารถช่วยเหลือลูกหนี้ ช่วยลดภาระหนี้ให้กับผู้ประกอบการ และลูกค้าส่วนบุคคล การที่สามารถช่วยลดเงินต้นลงได้ก็จะทำให้มีสภาะคล่องมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ แข็งแรงมากขึ้น และจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง

นายกฤษณ์ จันทโนทก กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มองว่า "มาตรการนี้ถือว่าเป็นมาตรการที่ดี เชื่อว่าทั้งสมาคมธนาคารไทยและเทศพร้อมสนับสนุน และเป็นหนทางหนึ่งที่ทำให้คนที่มีเจตนาดีที่หลุดจากวงจรนี้ จะมีทางเลือกที่จะสามารถบรรเทาความเสี่ยงของเขาได้ เชื่อว่าทุกแบงก์ใหญ่จะได้รับอานิสงส์ช่วยลูกค้าของตัวเองพอสมควร แต่กรณีนี้ลูกค้าเองจะต้องสมัครใจ เพราะมีเงื่ือนไข"

กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) มุ่งหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่ประสบปัญหาใน
การชำระหนี้ได้รับความช่วยเหลืออย่างตรงจุด สามารถฟื้นตัวและกลับมาชำระหนี้ได้หลังสิ้นสุดโครงการ นอกจากนี้ ทุกหน่วยงานพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างบูรณาการต่อไป

ทางเลือกใหม่ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน

โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เป็นความพยายามที่ชัดเจนในการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทย ด้วยการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และเปิดโอกาสให้ลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ได้รับความช่วยเหลือที่ตรงจุด

วิธีการสมัครและติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม

ลูกหนี้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

 • BOT Contact Center โทร 1213

 • Call Center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ

มาตรการช่วยเหลือนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางออกชั่วคราวสำหรับลูกหนี้ที่เผชิญปัญหา แต่ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในอนาคต ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ สถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจ Non-Bank จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินในระดับครัวเรือน

การเข้าใจในมาตรการและการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด จะช่วยให้ลูกหนี้สามารถบริหารจัดการภาระทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

แชร์
เช็กที่นี่! มาตรการแก้หนี้บ้าน รถ SMEs ทางรอดใหม่ ฝ่าวิกฤตการเงิน