ทำงานหนักกันมาตลอดทั้งปี พอช่วงสิ้นปีพนักงานส่วนใหญ่อาจจะแอบคาดหวังถึงการขึ้นเงินเดือนและจ่ายโบนัสประจำปี แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยในปีนี้ไม่สู้ดีนัก GDP ไตรมาส 3 โตต่ำลงเหลือ 1.5% ส่วนทั้งปี66 ก็คาดว่าจะขยายได้ที่ 2.5% เท่านั้น ย่อมมีผลกระทบต่อผลประกอบการของธุรกิจต่างๆแน่นอน หนัก เบา แตกต่างกันไป
ข้อมูลจากเพจ ข่าวสารชลบุรี ระยอง ช่วงที่ผ่านมามีการแชร์ข้อมูลการจ่ายโบนัสและขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานหลายบริษัทที่อย่ในพื้นที่อุตสาหกรรม ชลบุรี และ ระยอง เช่น MG ชลบุรี ให้เงินบวกพิเศษ ตามเกรด และ โบนัสปี66 อยู่ที่2เดือน โดยเงินบวกพิเศษเกรดA+ 60,000 บาท เกรดA 55,000บาท เกรดB 50,000 บาท เกรดC 35,000 บาท หรือ โบนัสปี66 บริษัทดัง ตัวย่อ T F L 9.9 เดือน กลางปี 7.4 เดือน ปลายปี 2.5 เดือน ปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำ 13,000 บาท ปรับเงินเพิ่ม 5-7 % เป็นต้น
อีกด้านหนึ่งก็มีอีกหลายบริษัทที่พนักงานต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปรับเงินเดือนและโบนัสจากบริษัท เช่น ฟอร์ด ระยอง มีการเจรจาขอโบนัส 7 เดือน + 50,000 บาท แต่ที่หนักสุดคือ กรณีประกาศปิดกิจการขอบางบริษัท ที่ปลายปีแบบนี้ก็ยังมีให้เห็น
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนสภาพธุรกิจไทยที่อยู่ภายใต้ปัจจัยลลบทางเศรษฐกิจหลายด้าน ข้อมูลเรื่องผลสำรวจการขึ้นเงินเดือนและการให้โบนัสประจำปี 2566-2567โดยสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ พบว่า ภาพรวมของการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี 2567 เฉลี่ยออกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 4.64% จากในปี 2566อยู่ที่ 4.58% ส่วนโบนัสเฉลี่ยในปีนี้ อยู่ที่ 2.57 เท่า ของเงินเดือน ซึ่งเท่ากับโบนัสเฉลี่ยในปีที่แล้ว
สำหรับอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยสูงสุดสามอันดับแรกได้แก่
1.กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ขึ้นเงินเดือน 5.33%
2.กลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค ขึ้นเงินเดือน 5.17 %
3.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ขึ้นเงินเดือน 4.83 %
ส่วนคาดการณ์การจ่ายโบนัสอุตสาหกรรมที่ให้โบนัสรวมสูงสุดสามอันดับแรกได้แก่
1.กลุ่มยานยนต์ จ่ายโบนัสเฉลี่ย 4.29 เท่าของเงินเดือน
2กลุ่มเทคโนโลยี จ่ายโบนัสเฉลี่ย 2.71 เท่าของเงินเดือน
3.กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์จ่ายโบนัสเฉลี่ย 2.65 เท่าของเงินเดือน
ผลประกอบการเท่านั้นที่อาจจะเป็นตัวบ่งบอกถึง อัตราโบนัสที่พนักงานจะได้รับซึ่งในปี 2566 ภาพรวมผลประกอบการหลายแห่งอาจไม่ค่อยสดใส เห็นได้จากข้อมูลบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทย ข้อมูล 9 แรกของปีนี้ก็พบว่า บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai รายได้และกำไรสุทธิลดลง
โดย บจ. ไทย มีกำไรจากผลการดำเนินงานหลักที่ 1,249,191 ล้านบาท ลดลง 16.0% และกำไรสุทธิ 740,814 ล้านบาท ลดลง10.6% จากปีก่อนหน้า โดยถูกกดดันจากกลุ่มธุรกิจหมวดพลังงานและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่ผลประกอบการลดลงจากราคาน้ำมันที่ต่ำ และเศรษฐกิจต่างประเทศที่ยังคงอยู่ในภาวะซบเซา อย่างไรก็ตาม หากท่านอยู่ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจธนาคาร การท่องเที่ยว และเทคโนโลยี ถือว่าอยู่ในสถานะขยายตัวดีขึ้น แต่จะขึ้นเงินหรือให้โบนัสมากน้อยขนาดไหน สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสถานการณ์ของบริษัทด้วยเช่นกัน