ข่าวเศรษฐกิจ

รวมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย โดย ส.อ.ท.

18 ต.ค. 67
รวมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย โดย ส.อ.ท.

จากเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญกับวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้การนำของนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และพบว่ามีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบกว่า 100 ราย ความเสียหายมีตั้งแต่เครื่องจักร ระบบไฟฟ้า ไปจนถึงปัญหาการขนส่ง และการจัดหาวัตถุดิบ

เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ส.อ.ท. ไม่เพียงแต่เร่งสำรวจความเสียหายเท่านั้น แต่ยังได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน ภาษี ค่าธรรมเนียม และค่าสาธารณูปโภค พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ และพัฒนาระบบเตือนภัย เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติในอนาคต

รวมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย โดย ส.อ.ท.

รวมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย โดย ส.อ.ท.

สืบเนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภายใต้การนำของ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. ได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายของสมาชิก ส.อ.ท. ในพื้นที่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อให้ความช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

จากการรวบรวมข้อมูล ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2567 พบว่ามีผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท. ในจังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยแล้วกว่า 100 ราย โดยสามารถจำแนกความเสียหายออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้

ระดับที่ 1 เสียหายหนัก: จำนวน 23 บริษัท ได้รับความเสียหายต่อเครื่องจักร ระบบไฟฟ้าภายในอาคาร และอุปกรณ์สำนักงาน
ระดับที่ 2 เสียหายปานกลาง: จำนวน 17 บริษัท
ระดับที่ 3 ได้รับผลกระทบเล็กน้อย: จำนวน 36 บริษัท สามารถดำเนินการแก้ไขและฟื้นฟูได้ด้วยตนเอง
ระดับที่ 4 ได้รับผลกระทบทางอ้อม: จำนวน 52 บริษัท ไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากน้ำท่วม แต่ได้รับผลกระทบในด้านอื่นๆ เช่น ปัญหาการขนส่ง การจัดหาวัตถุดิบ และการเดินทางของพนักงาน

มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย

รวมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย โดย ส.อ.ท.

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ขอยืนยันความมุ่งมั่นในการให้ความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนแก่สมาชิกผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โดยได้ดำเนินการจัดทำมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ดังต่อไปนี้

1.มาตรการด้านการเงิน

  • พักชำระหนี้: อนุมัติการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 12 เดือน เพื่อลดภาระทางการเงินของผู้ประกอบการ
  • ลดภาระผ่อนชำระ: ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ โดยลดค่างวดลง 50% และลดอัตราดอกเบี้ย 1% มีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 12 เดือน
  • สินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู: อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการขอสินเชื่อเพื่อการซ่อมแซม บูรณะ และฟื้นฟูบ้านเรือน ตลอดจนสถานประกอบการ โดยกำหนดวงเงินกู้สูงสุด 100% ของมูลค่าความเสียหาย และคิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ
  • เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน: สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (1%) ผ่านสถาบันการเงินของรัฐ และกองทุนประชารัฐภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม

2. มาตรการด้านภาษีอากร

  • ผ่อนปรนเงื่อนไขทางภาษี: อนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบ ออกจากโรงงานที่ได้รับความเสียหาย ไปยังสถานที่อื่น หรือดำเนินการส่งออก ได้ในกรณีฉุกเฉิน โดยสามารถยื่นขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ภายหลังจากดำเนินการดังกล่าวเสร็จสิ้น
  • ยกเว้นภาษีนำเข้า: เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟู และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ส.อ.ท. ได้เสนอให้มีการยกเว้นอากรขาเข้า สำหรับเครื่องจักรที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรเดิมที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงวัตถุดิบที่นำเข้าภายใต้มาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520 ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
  • ลดหย่อนภาษีท้องถิ่น: ประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณายกเว้น หรือลดหย่อนภาษี สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

3. มาตรการด้านค่าธรรมเนียม

  • ขยายระยะเวลาการลงทะเบียน: ขยายระยะเวลาการลงทะเบียนโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 (จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2567) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ

4. มาตรการด้านค่าสาธารณูปโภค

  • ยกเว้นค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา: ยกเว้นการเรียกเก็บค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับที่อยู่อาศัย และสถานประกอบการ SME ประจำเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2567 เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย
  • ส.อ.ท. หนุนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาวิกฤตซ้อนวิกฤต หวั่นกระทบเศรษฐกิจไทย

นายอิศเรศ ยังได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและมลพิษทางอากาศ ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของภาคธุรกิจท่องเที่ยว

ส.อ.ท. ได้เสนอแนะให้ภาครัฐพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติที่มีความแม่นยำ และสามารถแจ้งเตือนภัยแบบเรียลไทม์ผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเตรียมความพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่า เพื่อรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำ และป้องกันปัญหาน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอุทกภัยในหลายพื้นที่

นายอิศเรศ กล่าวแสดงความกังวลว่า วิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย หรือปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่จะเกิดขึ้นตามมาในช่วงปลายปีจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งหามาตรการ และวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด

ส.อ.ท. พร้อมเคียงข้างภาคอุตสาหกรรมไทย ร่วมฟันฝ่าวิกฤตอุทกภัย

รวมมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่รับผลกระทบจากอุทกภัย โดย ส.อ.ท.

สถานการณ์อุทกภัยในประเทศไทยยังคงเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สร้างรายได้ และจ้างงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อตัวเลขผลผลิต และการส่งออกเท่านั้น แต่ยังสร้างบาดแผลให้กับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบขนส่ง และโรงงาน ซึ่งต้องใช้เวลา และทรัพยากรจำนวนมากในการฟื้นฟู

ส.อ.ท. ในฐานะองค์กรหลักที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของภาคอุตสาหกรรม ได้แสดงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการยืนหยัดเคียงข้าง และให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ให้คำปรึกษา ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ หรือจัดหาสิ่งของบรรเทาทุกข์ นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังได้ผลักดันมาตรการเยียวยาที่ครอบคลุมในหลากหลายมิติ เช่น มาตรการด้านการเงิน การพักชำระหนี้ การลดหย่อนภาษี และการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาอุทกภัย และการฟื้นฟูประเทศอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยภาครัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบการเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เช่น การใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data ในการวิเคราะห์ข้อมูล และพยากรณ์สถานการณ์น้ำท่วม รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่สามารถแจ้งเตือนภัย และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และระบบระบายน้ำ รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการลดทอนความเสียหาย และสร้างความมั่นคงให้กับประเทศในระยะยาว ส.อ.ท. มีความพร้อมที่จะประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อนำพาภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจไทย ให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรค และความท้าทายในครั้งนี้ไปได้ และพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างระบบ และมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกัน และรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และแข็งแกร่ง

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT