หลัง Burger King ปล่อย ‘โคตรชีสเบอร์เกอร์’ หรือ The Real Cheese Burger ออกมาให้ ‘ชีสเลิฟเวอร์’ ได้ลิ้มลอง กระแสตอบรับทั้งบนโลกโซเชียลและหน้าร้านก็พุ่งกระฉูด ทั้งอยากลองซื้อหามาลองกิน และแซวถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากปริมาณแคลอรีและโซเดียมมหาศาลว่า ‘คำแรกติดใจ คำต่อไปติดเตียงรพ.’
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่ในประเทศไทย เพราะตอนนี้เมนูใหม่ของ Burger King ได้ไปปรากฏบนหน้าสื่อต่างประเทศหลายเจ้าแล้ว แม้ต่างชาติจะคุ้นเคยกับ ชีสเบอร์เกอร์ และ แฮมเบอร์เกอร์มากกว่าบ้านเรา แต่โคตรชีสเบอร์เกอร์แบบนี้ บ้านเขาก็มีผงะเหมือนกัน
Spotlight รวมหลากหลายเสียงจากสื่อต่างชาติที่พูดถึง ‘โคตรชีสเบอร์เกอร์’ จาก Burger King มาให้ชิม เอ้ย! ชมกัน
“'เกินไป' เมนูใหม่ Burger King ประเทศไทย ไม่มีเนื้อ มีแต่ชีส 20 แผ่น”
“เมนูชีสเบอร์เกอร์นี้เกิดไวรัลไปทั่วโซเชียล ผู้คนแห่มาลองเมนูใหม่นี้ จนสาขาหนึ่งกล่าวว่า ต้องปิดบริการสั่งเดลิเวอรี่เพื่อให้เพียงพอกับการขายหน้าร้าน”
“ผู้ใช้ Twitter รายหนึ่งซึ่งบอกว่าตัวเองเป็นคนรักชีส ได้ชี้ถึงเทรนด์ 'ใส่ชีสลงไปในทุกอย่าง' ของไทยว่า ตัวเขาเองยังไม่สามารถกินหมดได้ถึงครึ่งชิ้น”
“เมนูนี้เหมือนจะเป็นเมนูแบบจำกัดช่วงเวลา เพราะแม้คนรักชีสก็ไม่อาจซื้อกินทุกวัน
แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า อาจเป็นเพราะกลัวว่าชีสจะหมดโลก ถ้าทำเป็นเมนูถาวรหรือเปล่า”
“'ขนมปังเบอร์เกอร์ 2 ชิ้นประกบอเมริกันชีส 20 แผ่น' เมนูในฝันของคนรักชีสและมังสวิรัติ
ฝันร้ายของคนแพ้แลคโตส”
“Burger King ประเทศไทยได้ออกเมนูใหม่ที่ตั้งชื่อว่า 'The Real Cheese Burger'
คุณอยากลองไหม หรือขอบาย?”
ความแปลกใหม่ของ Burger King ไม่ใช่สร้างเพียงยอดขายที่เพิ่มขึ้นจนทำให้บางสาขาต้องปิดรับออเดอร์เมนูนี้แบบเดลิเวอรี่เท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ ได้ ‘Free Media’ หรือการได้พื้นที่สื่อไปแบบฟรีๆ จากประเด็นที่ฮอตฮิตจนคนแชร์ไปทั่วโลกโซเชียล ตัวอย่างเช่น
เป็นต้น
@nutapiwich Real Cheese Burger ขีสแน่นๆจุกๆ มีชีสทั้งหมด 20 แผ่น มาลองได้ที่ #BurgerKing #RealCheeseBurger #Cheese #Burger #ชีส #เรียลชีส ♬ original sound - Nutapiwich
ความเจ๋งของ Burger King กับการรังสรรค์เมนู ‘The Real Cheese Burger’ นั้น พลิกวิธีคิดจากเทรนด์สมัยนี้ ที่มักจะมองหาสิ่งแปลกใหม่ให้แหวกกว่าคนอื่น เป็นการคิดต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ ด้วย ‘Systematic Inventive Thinking หรือ SIT’ ซึ่งเป็นวิธีการสร้างนวัตกรรม (อีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายคือ Design Thinking)
ในวิธีการสร้างนวัตกรรมแบบ SIT เราต้องหา ‘สิ่งที่สำคัญที่สุด’ ของผลิตภัณฑ์ สร้างการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งนั้น บนหลักคิดที่ว่า จะเกิดประโยชน์ใหม่อะไรให้กับผู้บริโภค เช่น หากเรามองร่ม สิ่งจำเป็นของร่มก็คือ ‘ผ้าใบกันฝน’ สองที่วิธีที่สามารถทำได้ก็คือ ‘Subtraction’ หรือการตัดสิ่งที่จำเป็นออกไป และ ‘Multiplication’ หรือการเพิ่มจำนวนสิ่งที่เป็นหัวใจหลักเข้าไป
เมื่อพูดถึง ‘ชีสเบอร์เกอร์’ ทั่วไป อะไรล่ะที่ทำให้กลายเป็นชีสเบอร์เกอร์? น้อยที่สุดก็ต้องประกอบด้วย แป้งเบอร์เกอร์ เนื้อสัตว์ และชีส แต่เพื่อสร้างความแปลกใหม่ Burger King ประเทศไทย จึงได้ ‘ตัด (Subtract)’ เนื้อสัตว์ออกไป และ ‘เพิ่ม (Multiply)’ แผ่นชีสเข้าไป จาก 1 -3 แผ่นต่อชิ้น ให้เป็น 20 แผ่น ซึ่งเกินคาดของลูกค้าอย่างแน่นอน
เมื่อนำสองสิ่งมาร่วมกัน จึงกลายเป็น ‘โคตรชีสเบอร์เกอร์’ สะเทือนทั้งวงการฟาสต์ฟู้ด และโลกโซเชียล
เว็บไซต์ Voy Media ได้วิเคราะห์กลยุทธ์การตลาดของ Burger King โดยแบ่ง ออกเป็น 3 กลยุทธ์ดังนี้
1) การสร้างนวัตกรรมและความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์
Burger King มักนำเสนอเมนูใหม่ๆ และเมนูเฉพาะช่วง เพื่อรักษาความสดใหม่และสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้า กลยุทธ์นี้ทำให้แบรนด์ยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และทำให้สินค้าของ Burger King ถูกพูดถึงอยู่ตลอดเวลา
2) โฆษณาที่ฟาด และ เร้าอารมณ์
โฆษณาของ Burger King นั้นขึ้นชื่อเรื่องโฆษณาแบบฟาดๆ และเร้าอารมณ์ เพื่อดึงความสนใจของคนดู และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง นอกจากนี้ บริษัทยังไม่กลัวที่จะสื่อสารข้อความที่ออกนอกกรอบ ใช้อารมณ์ขัน เสียดสี หรือแม้แต่อื้อฉาว เพื่อกระตุกให้เกิดกระแสและ และเข้าถึงผู้บริโภค
3) เล่นกับ Pop Culture
กลยุทธ์การตลาดของ Burger King มักหยอด ‘Pop Culture’ หรือวัฒนธรรมป๊อป (วัฒนธรรมที่คนในแต่ละยุคนิยม) เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน จึงมักจะนำเทรนด์ มุก มีม และหยิบกระแสต่างๆ มาล้อ เพื่อโลดแล่นไปกับกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
แคมเปญ ‘โคตรชีสเบอร์เกอร์’ หรือ The Real Cheese Burger นี้ คือผลผลิตของทั้ง 3 กลยุทธ์ที่กล่าวมา โดยเป็นนวัตกรรมด้านเมนูที่ไม่จำเป็นต้องเอาวัตถุดิบใหม่ๆ มาใช้ แต่ใส่ไอเดีย พลิกแพลงวัตถุดิบเดิมที่มีอยู่ โดยไม่กลัวการตั้งคำถามของสังคมที่ว่า สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากน้อยอย่างไร พร้อมเล่นกับวัฒนธรรม ‘คลั่งชีส’ ของคนไทย (กินชาบูยังใส่ชีส!)
จึงกลายเป็นกระแสไวรัลที่ทำให้ชื่อของ Burger King และคำว่า Cheese Burger มียอดค้นหาที่เพิ่มขึ้น แซงหน้าคู่แข่งอย่าง McDonald’s ไปได้ในช่วงนี้ และกลายเป็นหนึ่งตัวอย่างของเคสการตลาด และนวัตกรรมที่จะถูกพูดถึงไปอีกพักใหญ่ ทั้งในไทยและทั่วโลก
ที่มา : Burger King, CNN Business, Yahoo Finance, The Straits Times, Sora News 24, USA Today, Pubity, Voy Media