ที่ผ่านมาเกิดขึ้นแล้วกี่บริษัท ภาคธุรกิจใดที่น่าเป็นห่วง และนักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ควรทำอย่างไร คำถามมากมายที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนที่ถือหุ้นกู้อยู่ในขณะนี้
วันนี้ SPOTLIGHT พามาหาคำตอบกัน จากสมาคมตราสารหนี้ไทยที่จะพามาเห็นภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทย และทิศทางต่อจากนี้
สำหรับภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2566 ขยายตัวได้ 5.4% จากปี 2565 จากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าคงค้างตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลและภาคเอกชนเป็นหลัก โดยภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้ระยะยาวกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม Investment grade สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการระดมทุนของภาคเอกชนที่ยังอยู่ในระดับสูง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยปรับขึ้น 5 ครั้งในปี 2566 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและตราสารหนี้ภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 2 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 71 bps. มาอยู่ที่ 2.34% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 6 bps. มาอยู่ที่ 2.70%
กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund flow) ของนักลงทุนต่างชาติในปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตราสารหนี้ไทยติดต่อกันใน 3 ไตรมาสแรกของปี ก่อนจะพลิกกลับเป็นการซื้อสุทธิในไตรมาส 4 หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มมีความชัดเจนในการยุติการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
โดยนายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เผยถึงมุมมองเศรษฐกิจนับจากนี้ไปว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทายดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง สงครามความขัดแย้ง และเศรษฐกิจประเทศที่เกี่ยวข้องกับไทยยังมีปัญหา ทำให้ภาพการลงทุนอยู่ในโหมดระมัดระวัง แต่ยอมรับว่าคาดเดายากว่าจะมีหุ้นกู้ที่มีปัญหาหรือเสี่ยงที่จะเป็นหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระมากน้อยแค่ไหน
โดยล่าสุด หุ้นกู้ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ (ITD)ยังไม่ Default ซึ่งจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 17 ม.ค. นี้ ที่จะเจรจาขอยืดหนี้ 2 ปี
“แม้จะมีการผิดนัดของหุ้นกู้บางบริษัท ก็เชื่อว่าผู้ลงทุนสามารถแยกแยะได้ ไม่น่าจะกระทบการลงทุนหุ้นกู้ ควรระมัดระวังในการลงทุน ควรลงทุนในหุ้นกู้ที่มีเรทติ้งไม่ต่ำกว่า BBB-” นายสมจินต์ กล่าวถึงมุมมองในเรื่องนี้
ด้านนางสาวอารยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ThaiBMA. ชี้ให้เห็นว่า ในปี 66 หุ้นกู้เอกชนออกใหม่ยังแตะ 1,018,690 ล้านบาท โดย 91% เป็นหุ้นกู้ Investment Grade มูลค่า 926,713 ล้านบาท ขณะที่ อีก 9% เป็น High yield มูลค่า 91,977 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่า ปี 65 ที่มี 1,261,548 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ Investment Grade มูลค่า 1,131,282 ล้านบาท และ High yield มูลค่า 130,266 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มองว่านักลงทุนควรมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทขนาดใหญ่ อาจมีแหล่งเงินกู้อื่นในช่วงดอกเบี้ยขึ้นสูง อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าสัดส่วนให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป (PO) มากขึ้น โดยปี 66 มีสัดส่วน 39% จากปี 65 อยู่ที่ 29%
สำหรับหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระในปี 66 มูลค่ารวม 16,363 ล้านบาท ได้แก่
ปัจจุบันมูลค่าคงค้างที่มีปัญหา ณ สิ้นปี 66 รวม 39,412 ล้านบาท (ไม่รวมหุ้นกู้ที่อยู่ในการฟื้นฟูกิจการ) โดยจำนวนนี้ หุ้นกู้ Default 22,295 ล้านบาท
ในปีนี้ ThaiBMA มีแนวทางการดำเนินงานในการช่วยแก้ไขปัญหาหุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระ หรือหุ้นกู้ที่มีปัญหา ดังนี้
สำหรับแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2567 คาดว่ายอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวจะอยู่ที่ 0.9-1.0 ล้านล้านบาท อัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะคงอยู่ ณ ระดับปัจจุบันที่ 2.50% ไปอีกระยะหนึ่ง และ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี อาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ย 5-10 bps. จากปลายปี 2566
กล่าวโดยสรุป ตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2566 ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการระดมทุนของภาคเอกชนที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลต่อผลตอบแทนของตราสารหนี้ไทยในระยะสั้น