การเงิน

จิตตะ เวลธ์ ชวนฉวยโอกาสลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ หลังทรัมป์กลับมาคุมบังเหียน

7 พ.ย. 67
จิตตะ เวลธ์ ชวนฉวยโอกาสลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ หลังทรัมป์กลับมาคุมบังเหียน

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางตลาดการลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตและความผันผวนสูง การกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจถือเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกควรจับตามอง ด้วยนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นการปกป้องภายในประเทศและลดภาษีนิติบุคคล คาดว่าจะสร้างผลบวกต่อบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจในระยะยาว

บทความนี้ SPOTLIGHT จะพาท่านสำรวจทิศทางที่อาจเกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมเน้นถึงโอกาสการลงทุนที่อาจได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจในครั้งนี้

จิตตะ เวลธ์ ชวนฉวยโอกาสลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ หลังทรัมป์กลับมาคุมบังเหียน

บลจ.จิตตะ เวลธ์ ชวนนักลงทุนจับตาโอกาสทองจากการกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยในระยะสั้นนั้น ตลาดอาจมีความผันผวนแบบปรับตัวสูงขึ้น แต่ในระยะยาวยังคงมีสัญญาณเชิงบวกจากนโยบายของทรัมป์ ที่อาจเน้นการลดภาษีนิติบุคคลและการปกป้องตลาดในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนและส่งเสริมการลงทุนจากทั่วโลกเข้าสหรัฐฯ ทั้งนี้ยังเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ก่อนที่ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าในอนาคต

คุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บลจ. จิตตะ เวลธ์ เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมาได้ส่งผลให้ตลาดการลงทุนมีความชัดเจนมากขึ้น จากการที่ทรัมป์ได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ และมีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 ได้แสดงปฏิกิริยาเชิงบวกในทันที ซึ่งไม่เพียงแค่ในระยะสั้น แต่ยังมีแนวโน้มบวกในระยะยาว จากข้อมูลสถิติย้อนหลังของดัชนี S&P 500 พบว่า ภายหลังการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่า 83% และในปีถัดจากการเลือกตั้งก็มักเห็นการเติบโตของดัชนีอย่างต่อเนื่องจากนโยบายทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะดำเนินโดยผู้นำคนใหม่

[ผลกระทบต่อทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะสั้นและระยะยาว]

การกลับมารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งนี้ อาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับความผันผวนในระยะสั้น แต่คาดว่าจะเป็นการผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยบุคลิกที่แข็งกร้าวและแนวทางการดำเนินนโยบายของทรัมป์ ซึ่งเน้นการคุ้มครองผลประโยชน์ทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ จะสร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อตลาดการเงิน

จากการสำรวจนโยบายที่ทรัมป์ประกาศระหว่างการหาเสียง หลายแนวทางน่าจะช่วยส่งเสริมให้ตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางขาขึ้น หนึ่งในนั้น คือ การตั้งเป้าลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 20% และในอนาคตอาจลดลงเหลือ 15% หากสามารถดำเนินการได้จริง การลดภาษีนี้จะช่วยให้บริษัทจดทะเบียนมีผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย และแน่นอนว่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากขึ้นในอนาคต

สำหรับนโยบายการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการกีดกันผู้อพยพที่ทรัมป์ให้ความสำคัญก็อาจส่งผลดีต่อการจ้างงานและรายได้ของคนอเมริกัน ส่งเสริมการใช้จ่ายในภาคการอุปโภคบริโภค เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภายใน เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโต ตลาดหุ้นก็มีโอกาสเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง

[ข้อมูลเชิงลึกและโอกาสการลงทุน : ดัชนี S&P 500 กับการเลือกตั้งสหรัฐฯ]

จิตตะ เวลธ์ ชวนฉวยโอกาสลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ หลังทรัมป์กลับมาคุมบังเหียน

นายตราวุทธิ์ เผยว่า "ปัจจุบันถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่เพียง เพราะความชัดเจนที่เกิดจากผลการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านค่าเงิน โดยหลังการเลือกตั้งมีแนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะปรับตัวแข็งค่าขึ้น นักลงทุนจึงควรใช้จังหวะนี้ในการลงทุนก่อนที่ต้นทุนจะสูงขึ้นตามค่าเงินที่แข็งค่ามากขึ้น"

สถิติข้อมูลย้อนหลังของดัชนี S&P 500 ระหว่างปี 2471 ถึง 2559 พบว่า ในช่วงหลังการเลือกตั้งทั้งหมด 19 ครั้ง หรือคิดเป็น 83% ของช่วงเวลาดังกล่าว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประธานาธิบดีมาจากพรรค Republican ตลาดหุ้นจะมีผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 15.30% ขณะที่หากเป็นพรรค Democrat ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7.6%

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าประธานาธิบดีจะมาจากพรรคใด ผู้นำสหรัฐฯ ทุกคนย่อมมีภารกิจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวอเมริกัน ดังนั้นในระยะยาว แม้จะมีความแตกต่างในนโยบาย แต่ผลลัพธ์โดยรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มที่จะสร้างสถิติ all time high ได้เสมอ

[จับโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ]

ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังปรับตัวตามกระแสการเมืองและนโยบายเศรษฐกิจของผู้นำคนใหม่ การกลับมาของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น ด้วยแนวทางการลดภาษีและนโยบายการปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศ นโยบายเหล่านี้ไม่เพียงส่งเสริมผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน แต่ยังดึงดูดเงินลงทุนจากทั่วโลกเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และยังเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนก่อนที่ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าในอนาคต

สำหรับนักลงทุนที่กำลังพิจารณาลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ การจับตาความเคลื่อนไหวของดัชนี S&P 500 และวิเคราะห์แนวโน้มจากข้อมูลในอดีต อาจช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในแผนการลงทุน การลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่ยั่งยืนในพอร์ตการลงทุน ดังนั้น การพิจารณาเข้าซื้อหุ้นในตลาดสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่ตลาดมีแนวโน้มขาขึ้น ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่น่าสนใจ และอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว

advertisement

SPOTLIGHT