ความยั่งยืน

Bandai Namco ปฏิเสธข่าว "กดดันพนักงานให้ลาออกเอง" โดยไม่จ่ายเงินชดเชย

18 ต.ค. 67
Bandai Namco ปฏิเสธข่าว "กดดันพนักงานให้ลาออกเอง" โดยไม่จ่ายเงินชดเชย

วงการเกมสะเทือน! เมื่อ Bandai Namco บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับตำนานอย่าง Tekken, Gundam ตกเป็นข่าวฉาว ใช้มาตรการสุดแปลกอย่าง "ห้องขับไล่" กดดันพนักงานให้ออกเอง หลังยกเลิกโปรเจ็คเกม รวมถึงเกมลับที่พัฒนาร่วมกับ Nintendo สำหรับมาตรการ "ห้องขับไล่" หรือ "oidashi beya" คืออะไร? ทำไมถึงสร้างความไม่พอใจให้กับพนักงาน และสังคมญี่ปุ่น? Bandai Namco มีเหตุผลใด ถึงต้องเลือกใช้มาตรการนี้?

Bandai Namco ปฏิเสธข่าว "กดดันพนักงานให้ลาออกเอง" โดยไม่จ่ายเงินชดเชย

Bandai Namco ปฏิเสธข่าว "กดดันพนักงานให้ลาออกเอง" โดยไม่จ่ายเงินชดเชย

Bandai Namco บริษัทเกมชั้นนำของญี่ปุ่น ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายเกมชื่อดังมากมาย อาทิ Gundam, OnePiece, Tekken 8 และล่าสุดอย่างเกม Dragon Ball Sparking! Zero ซึ่งล้วนแต่ทำยอดขายได้หลายล้านชุด กำลังเผชิญกับภาวะความท้าทายด้านทรัพยากรบุคคล หลังจากมีรายงานว่าบริษัทได้ยกเลิกโครงการพัฒนาเกมหลายรายการ เนื่องจากผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดขนาดองค์กร และมีการใช้มาตรการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า Bandai Namco ได้ย้ายพนักงานจำนวนหนึ่งเข้าสู่ "oidashi beya" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ห้องขับไล่" ซึ่งเป็นพื้นที่ห้องทำงานที่ว่างเปล่า ไม่มีคอมพิวเตอร์, ไม่มีโทรทัศน์หรืออุปกรณ์ใดและไม่มีการมอบหมายงานใดๆ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการดังกล่าวอาจเป็นการกดดันทางอ้อม เพื่อให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจ

จากข้อมูล Bandai Namco Studios Inc. ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาเกมของ Bandai Namco ได้ย้ายพนักงานประมาณ 200 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมด 1,300 คน เข้าสู่ห้องขับไล่ ส่งผลให้พนักงานเกือบ 100 คน ตัดสินใจลาออก และคาดว่าจะมีพนักงานลาออกเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่เข้มงวด ซึ่งทำให้การเลิกจ้างพนักงานเป็นเรื่องที่ซับซ้อน การใช้ "ห้องขับไล่" จึงถูกมองว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้บริษัทสามารถลดจำนวนพนักงานได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี Bandai Namco ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีเจตนาบีบบังคับให้พนักงานลาออก แต่ยอมรับว่าได้ยกเลิกโครงการพัฒนาเกมบางรายการจริง และขณะนี้พนักงานบางส่วนกำลังรอการมอบหมายงานในโครงการใหม่ ซึ่งรวมถึงโปรเจ็คลับที่พัฒนาร่วมกับ Nintendo

Bandai Namco ชี้แจง การยุติการพัฒนาเกมดำเนินการภายใต้กระบวนการประเมินที่ครอบคลุม และปฏิเสธการบีบบังคับพนักงาน

Bandai Namco ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่มีรายงานว่าบริษัทได้ยุติการพัฒนาเกมหลายรายการ โดยยืนยันว่า การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจอย่างรอบด้าน โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ศักยภาพทางการตลาด และความคุ้มค่าในการลงทุน มิได้มีวัตถุประสงค์ในการบีบบังคับให้พนักงานลาออกแต่อย่างใด

"การตัดสินใจยุติการพัฒนาเกมใดๆ ล้วนอยู่บนพื้นฐานของการประเมินสถานการณ์โดยละเอียด" Bandai Namco ระบุในแถลงการณ์ "พนักงานบางท่านอาจอยู่ในช่วงระหว่างรอการมอบหมายโครงการใหม่ ซึ่งบริษัทจะดำเนินการจัดสรรภารกิจให้สอดคล้องกับแผนงานพัฒนา โดยยืนยันว่า Bandai Namco Studios ไม่มีนโยบายใช้ 'oidashi beya' หรือ 'ห้องขับไล่' เพื่อกดดันให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจ"

อย่างไรก็ตาม Bloomberg รายงานว่า Bandai Namco กำลังเผชิญกับภาวะขาดทุน เช่นเดียวกับบริษัทเกมอื่นๆ ภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยผลขาดทุนส่วนใหญ่เกิดจากการตัดจำหน่าย อันเนื่องมาจากการยกเลิกโครงการพัฒนาเกม

รายงานดังกล่าว อ้างถึงแหล่งข่าวที่ระบุว่า Bandai Namco ได้ยุติการพัฒนาเกมที่ใช้ตัวละครจาก Naruto และ One Piece รวมถึงโครงการพัฒนาเกมลับที่ได้รับมอบหมายจาก Nintendo ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเกมดังกล่าว

ทั้งนี้ Bandai Namco Studios มีประสบการณ์ในการพัฒนาเกมร่วมกับ Nintendo มาอย่างยาวนาน โดยมีผลงานเกมเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น Super Smash Bros. Ultimate, Pokkén Tournament และ New Pokémon Snap ล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2566 Bandai Namco ได้ประกาศจัดตั้ง Bandai Namco Studio 2 & Studio S เพื่อรองรับการพัฒนาเกมภายใต้สัญญากับ Nintendo โดยเฉพาะ และแสดงเจตจำนงที่จะสานต่อความร่วมมือในระยะยาว

"Bandai Namco Studio 2 & Studio S เป็นสตูดิโอผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเกมตามสัญญา เรามีส่วนร่วมในการพัฒนาเกมระดับโลกมากมาย เช่น Super Smash Bros, Mario Kart 8 Deluxe และ Mario Kart Tour" ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสตูดิโอ

"ในฐานะทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพ เราจะยังคงพัฒนาเกมระดับโลกต่อไป และเรายินดีต้อนรับบุคลากรผู้มีความสามารถ ให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม"

Bandai Namco กับ "ห้องขับไล่" เส้นบางๆ ระหว่างการปรับตัว กับการละเมิดสิทธิ์

Bandai Namco ปฏิเสธข่าว "กดดันพนักงานให้ลาออกเอง" โดยไม่จ่ายเงินชดเชย

กรณีศึกษาของ Bandai Namco นับเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายอันหลากหลายที่อุตสาหกรรมเกมในระดับสากลกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวภายหลังยุคโรคระบาด การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น และความผันผวนของภาวะตลาด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงธุรกิจ และการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล

แม้ Bandai Namco จะได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการบีบบังคับให้พนักงานลาออก แต่การใช้มาตรการ "ห้องขับไล่" ก็ยังคงเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียง และจุดประกายให้เกิดการตั้งคำถามถึงหลักจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงนโยบายด้านแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีลักษณะเฉพาะ เช่น ระบบอาวุโส และวัฒนธรรมองค์กรที่ค่อนข้างเข้มงวด

ในขณะที่บริษัทเกมหลายแห่งเลือกที่จะปรับลดขนาดองค์กร หรือปรับลดอัตราเงินเดือนของพนักงาน เพื่อเป็นการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจ Bandai Namco กลับเลือกใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อขวัญ และกำลังใจของพนักงาน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจยุติการพัฒนาเกมบางรายการ ก็สามารถตีความได้ว่าเป็นความพยายามในการปรับตัว และการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อรับมือกับความท้าทาย และธำรงไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขัน โดย Bandai Namco ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเกมคุณภาพ และสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น Nintendo เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เล่นในระดับสากล

บทเรียนจากกรณีนี้ เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์เชิงธุรกิจ และการดูแลพนักงาน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งขององค์กร การสื่อสารภายในองค์กรที่มีความโปร่งใส การเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์ และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

อ้างอิง IGN

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT