Samsung Electronics ได้เผยถีงการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ว่า บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากอุตสาหกรรมชิปหน่วยความจำมีการฟื้นตัวแล้ว
โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 10.4 ล้านล้านวอน (7.5 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 1,452.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่รายได้ เพิ่มขึ้น 23.3% เป็น 74 ล้านล้านวอนในช่วงเวลาเดียวกัน เติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาดในปี 2021
ผลลัพธ์ของกำไรที่เพิ่มขึ้น ตอกย้ำว่าตลาดหน่วยความจำที่มีมูลค่า 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ฟื้นตัวในปีนี้แล้ว หลังจากการตกต่ำอย่างรุนแรงในช่วงโควิด-19 โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของดาต้าเซ็นเตอร์และการพัฒนา AI ผลักดันให้ราคาชิปหน่วยความจำเฉลี่ยสูงขึ้น 15% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการประมาณการของ CLSA
ทั้งนี้ Samsung ออกมาเปิดเผยเพียงตัวเลขของรายได้และกำไรจากการดำเนินงานเท่านั้น ส่วนข้อมูลรายได้ทั้งหมดและกำไรสุทธิ บริษัทจะประกาศในผลประกอบการรายไตรมาสในปลายเดือนหรือภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2024 นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทจะจัดการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์และนักลงทุน
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ Samsung สามารถพลิกฟื้นกำไรจากชิปประมวลผลได้ มาจากความพยายามดิ้นรนเพื่อจำกัดช่องว่างกับคู่แข่งในท้องถิ่นอย่าง SK Hynix ในด้านหน่วยความจำแบนด์วิธสูง (HBM) ที่ใช้ในแอปพลิเคชัน AI ขั้นสูง ซึ่ง SK Hynix จัดหาชิป HBM ให้กับ NVIDIA เพื่อใช้ในหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ในฐานะส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับการประมวลผลและการฝึกอบรม AI
ในขณะเดียวกัน Samsung กำลังดำเนินการเพื่อจัดหาชิป HBM ให้กับ NVIDIA อย่างเร็วที่สุด แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าบริษัทจะผ่านการทดสอบได้เมื่อใด เนื่องจากความผิดพลาดในการจัดการที่ผ่านมา ทำให้ Samsung สูญเสียโอกาสในการเป็นผู้นำคนแรกในตลาด HBM และตามหลังในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์
ไม่เพียงเท่านี้ Samsung ได้เปลี่ยนหัวหน้าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ของบริษัทในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยได้รองประธาน Jun Young-hyun เข้ามาแทนที่ Kyung Kye-hyun ที่เคยเป็นหัวหน้าแผนกนี้มาตั้งแต่ปี 2022 ซึ่งภายใต้การนำของเขา แผนกนี้ขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ท่ามกลางการตกต่ำของตลาดชิปหน่วยความจำ
ที่มา Nikkei Asia, Bloomberg