BYD เป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อันดับ 1 จากประเทศจีน มูลค่าบริษัท 4.033 ล้านล้านบาท เตรียมเข้ามาทำสงครามตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่กำลังร้อนแรง โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดรายชื่อของรุ่นรถที่อาจนำเข้ามาจำหน่ายคร่าวๆ ไปบ้างแล้ว โดยเบื้องต้นมีด้วยกัน 5 รุ่น คือ BYD HAN EV, BYD QIN DMi, BYD SONG PLUS DMi, BYD TANG, BYD Dolphin
ในความเป็นจริงแล้วบีวายดี (BYD) ทำตลาดในประเทศไทยมาหลายปีก่อนหน้าแล้ว แต่จะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นหลัก หลายคนอาจเคยได้เห็นรถแท๊กซี่ไฟฟ้าอย่าง BYD e6 กันอยู่บ้าง หรือรถบัสอย่าง BYD eBus K9 และรถตู้ BYD T3 โดยที่ขณะนี้ดีลในการร่วมมือกันระหว่าง BYD ประเทศจีน และสยามกลการ ยักษ์ใหญ่ในวงการยานยนต์เมืองไทย ได้ก่อตั้ง BYD Thailand ขึ้น และมีข่าวว่าจะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในประเทศไทยอีกด้วย
BYD Seal เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% อีกหนึ่งรุ่นร้อนแรง มียอดจองถล่มทลายในจีน ว่ากันว่าจะเป็นคู่ปรับสำคัญของ Tesla Model 3 เลยทีเดียว มันสร้างขึ้นบน e-Platform 3.0 และใช้เทคโนโลยีแบตเตอรีแบบ CTB (Cell to Body) โดยตัวแบตเตอรีจะรวมเข้ากับโครงสร้างของรถ ทำให้ลดการใช้พื้นที่น้ำหนักเบาลง และยังมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วย
ระยะทางสูงสุดต่อการชาร์จ 700 กิโลเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลา 3.8 วินาที และถือเป็นรถรุ่นแรกของ BYD ที่ใช้การขับเคลื่อนล้อหลัง และขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
การออกแบบภายนอกแม้จะใช้ปรัญญาเดียวกับ BYD Dolphin คือ "Marine Sesthetics" แต่รถทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด การดีไซน์ของ BYD Seal มีความดุดันกว่ามาก ด้านหน้าออกแบบ กระจังหน้าแบบปิด ไฟหน้าเพรียวยาวโฉบเฉี่ยว
ด้านข้างถูกออกแบบทรวดทรงเส้นสายทำให้เกิดแสงและเงาที่น่าสนใจยามตัวรถเคลื่อนไหว เส้นด้านข้างและการเว้าของสเกิร์ตออกแบบได้เข้ากันอย่างลงตัวดูสปอร์ตและสวยงาม แนวหลังคามีลักษณะลาดลงยาวไปถึงด้านหลัง ทำให้ตัวรถดูเพรียวและปราดเปรียวเป็นอย่างมาก มือจับประตูแบบเรียบสนิทไปกับตัวรถ บังโคลนหน้ามีการออกแบบคล้ายเหงือกปลา ตัวล้อเป็นแบบหลายก้านถูกออกแบบได้อย่างมีเอกลักษณ์ ในตัวท็อปจะมีการติดตั้งช่วงล่างไดนามิกช่วยลดการสั่นสะเทือน
ไฟท้ายถูกออกแบบให้เชื่อมยาวต่อกัน LED แบบจุดตามสมัยนิยม ตัวโคมรมดำเรืองแสงสีแดง ทำให้บั้นท้ายดูดุดันไม่แพ้ด้านหน้า และมีอารมณ์สปอร์ตแบบเต็มๆ
ในด้านการดีไซน์ภายใน ใช้แนวคิดความหรูหรา แผงจอควมคุมกลางหมุนได้ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว หัวเกียร์คริสตัล ในรุ่นท็อปกับรุ่นรองจะมีความแตกต่างกันไม่มากนัก จะแตกต่างกันในเรื่องการของการตกแต่งและวัสดุที่ใช้เป็นหลัก อาทิ วัสดุเบาะ ระบบทำความร้อน-เย็น เมมโมรีที่นั่ง เป็นต้น
ขนาดมิติของ BYD Seal ยาว 4,800 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,460 มม. และระยะฐานล้อ 2,920 มม. ทำให้ขนาดเทียบได้กับรถอย่าง Tesla Model 3, Honda Accord และ Toyota Camry เบาะนั่งตอนหน้า พนักพิงศีรษะถูกออกแบบให้มีช่องเจาะทะลุเพิ่มความโปร่งให้ผู้โดยสารตอนหลัง พื้นที่แถวหลังมีความกว้างขวาง และหลังคา Panoramic Sunroof บานใหญ่
สำหรับแบตเตอรี มีด้วยกัน 2 แบบ คือขนาด 61.4 kWh และ 82.5 kWh รุ่นปกติวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร ส่วนในรุ่นท็อปวิ่งได้ 700 กิโลเมตร ส่วนในเวอร์ชันขับเคลื่อน 4 ล้อ จะทำระยะทางได้ 650 กิโลเมตรเลยทีเดียว ระบบการชาร์จรองรับการชาร์จแบบ DC fast charging ที่ความเร็วสูงสุด 150 กิโลวัตต์
สำหรับการคาดการณ์การส่งออก BYD Seal เพื่อจำหน่ายนอกประเทศจีน น่าจะเป็นช่วงปีหน้าเป็นต้นไป สำหรับในประเทศไทยต้องลุ้นว่าทาง BYD จะนำเข้ามาทำตลาดต่อจาก BYD Dolphin ที่คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยปลายปีนี้หรือไม่ ถ้านำมาทำตลาดจริงละก็คิดว่ากลุ่มรถอีวีซีดานขนาดกลางน่าจะคึกคักขึ้นอย่างแน่นอน
ชมภาพเต็ม และภาพ Spyshot คลิก