ร้อนขนาดนี้ รถพังแน่! ถ้าไม่ป้องกัน ช่วงนี้ต้องบอกว่าคนไทยทั่วประเทศน่าจะ สุก!! สบาย กันถ้วนหน้า เมื่อต้องเจอกันอากาศโคตรดี (ที่ไม่ตาย) ในตอนนี้ อุณหภูมิที่ว่ากันว่ามันพุ่งทะลุปรอทแตกไปเรียบร้อย บางคนมองโลกแง่ดี ก็บอกว่า อากาศแบบนี้ดีแล้ว เหมือนได้ซ้อมตกนรกไปในตัว แต่คนดีแบบผมนี่สิ ไม่รู้จะซ้อมไปทำไม ฮาๆ
เช็กสิสต์ข้อเสีย ที่แสงแดดจะสร้างความบรรลัยกับตัวรถ
1.ชิ้นส่วนยางต่างๆ
ในที่นี้ไม่ได้เฉพาะเจาะจงที่ยางรถยนต์ แต่มันเหมารวมถึงชิ้นส่วนยางต่างๆ อาทิ ที่ปัดน้ำฝน ยางรอง ซีลยาง เป็นต้น ชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่ชอบแน่ที่ตัวเองต้องทนแดดทนร้อนอย่างต่อเนื่องแรมปี สิ่งที่จะเกิดมีทั้งเล็กน้อย อย่างสีซีดจากดำเป็นขาว จนถึงแตกร้าวจนเละเป็นผุยผง
วิธีป้องกัน ถ้าแค่สีซีดก็ยังพอหาน้ำยามาทาเคลือบดำ อย่างน้อยก็พอฟื้นฟูได้ไม่มากก็น้อย หรือยางปัดน้ำฝนเสื่อมก็แค่เปลี่ยน รวมถึงยางรถยนต์ก็เสื่อมอายุไวขึ้น ถึงจะเปลี่ยนได้ก็ราคาก็พากุมขมับไม่น้อย แถมในบางจุดก็ยากที่จะแก้ไข ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุด ก็คือหลีกเลี่ยงการตากแดดกลางแจ้งเป็นเวลานาน
2.ระบบปรับอากาศ
รถที่ถูกจอดตากแดดทั้งวัน จะพบว่าภายในห้องโดยสารคือร้อนแบบระอุสุดๆ หรือจะเรียกว่าเป็นไมโครเวฟเคลื่อนที่ก็ว่าได้ และเมื่อเราสตาร์ทเครื่อง ระบบปรับอากาศก็จะต้องทำงานอย่างหนักหน่วงเพื่อทำการลดอุณหภูมิลง ให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด และนั่นมันนำมาซึ่งอายุการใช้งานที่เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วชนิดหลีกหนีไม่ได้
วิธีป้องกัน หากหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งไม่ได้ อาจจะเพราะเหตุผลหรือข้อจำกัดบางประการ เราจึงแนะนำว่าหลังจากขึ้นรถและเปิดเครื่องปรับอากาศแล้ว ให้เราเปิดกระจกทุกบาน อาจรวมถึงการช่วยเปิดประตูรถในขณะจอด เพื่อเป็นการช่วยระบายลมร้อนออกจากภายในรถได้มากและรวดเร็วยิ่งขึ้น นั่นก็พอช่วยได้บ้างหากจำเป็นจริงๆ
3.ฟิล์มกรองแสง
รถทุกคันในประเทศไทยมีน้อยมากที่จะไม่ติดฟิล์ม ซึ่งมีตั้งแต่เกรดราคาหลักพันจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับคุณภาพและอายุการใช้งาน แน่นอนว่าฟิล์มมันมีวัตถุประสงค์เพื่อกันความร้อนกันยูวี แต่ก็ใช่ว่าตัวมัน จะสามารถต้านทานแสงแดดอันร้อนจ้าได้โดยไม่ท้อถอย การจอดรถตากแดดเปรี้ยง ก็เหมือนการลดทอนอายุของฟิล์มกรองแสงลงเช่นกัน ปกติฟิล์มรถยนต์จะมีอายุราวๆ 5-10 ปี ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ และต้องเปลี่ยนใหม่ แต่แดดเจ้ากรรม มันจะทำให้เราต้องเสียเงินเปลี่ยนฟิล์มไวขึ้นนั่นเอง
วิธีป้องกัน การป้องกันไม่ให้ฟิล์มอายุสั้นลงจากการโดยแสงแดดทำได้ยาก วิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงที่จะจอดตากแดดต่อเนื่องอย่างยาวนาน
4.ของเหลวภายในรถ
ไม่ว่าจะน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ หรือพวกของเหลวต่างๆ ในระบบของรถ รวมถึงแบตเตอรีด้วยเช่นกัน มันสามารถรักษาสภาพและรักษาอายุการใช้งานได้ในระดับหนึ่งที่เหมาะสม แต่เมื่อต้องอยู่ในสภาพอากาศที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะร้อน หรือเย็นเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้อายุของมันสั้นลงก่อนกำหนดด้วยกันทั้งสิ้น
วิธีป้องกัน เลือกของเหลวที่ได้รับการรับรอง และเกรดสูง ที่สำคัญต้องมั่นใจว่าเป็นของแท้ เพราะถ้าเป็นของปลอมขึ้นมาแล้วละก็ งานนี้บอกเลยมีแค่พังกับพังเท่านั้น และแน่นอนการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงจอดรถกลางแดดจ้าอีกเช่นกัน
5.สีรถ
ตัวถังรถเป็นส่วนที่ต้องเรียกว่ารับแดดโดยตรง ต้องสัมผัสแดดมากกว่าส่วนอื่นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นย่อมมีโอกาสเสียหายหรือเสื่อมสภาพได้ง่ายดายหากปล่อยปะละเลยไม่ดูแล ผลจากการโดดแดดเป็นเวลายาวนานและต่อเนื่อง จะส่งผลให้สีรถซีดในที่สุด และวิธีเดียวที่แก้ไขได้ก็คือการทำสีใหม่ หรือทำการ wrap สติกเกอร์เพื่อปกปิดจุดที่เสียหาย
วิธีการป้องกัน หากหลีกเลี่ยง หรือมีความจำเป็นต้องจอดกลางแจ้งเป็นประจำ สามารถหาอุปกรณ์สำหรับบังแดดที่มีในท้องตลาดมาป้องกันแสงแดดกระทบกับสีรถโดยตรง หรือถ้าสถานที่ไม่เอื้ออำนวย วิธีการเคลือบสีรถด้วยน้ำยาที่มีคุณภาพ และได้รับการรับรอง ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งเป็นหนทางที่จะคงสภาพสีของรถเอาไว้ได้ดีที่สุด
ป้องกันอย่างไรก็ไม่ 100%
แต่ไม่ว่าจะป้องกันด้วยวิธีใดก็ตาม ก็คงไม่สามารถป้องกันได้ทั้ง 100% ทำได้แค่ผ่อนหนักให้เป็นเบา หรืออย่างน้อยก็ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ออกไปได้อีกนิด แต่ทางที่ดีที่สุดก็ยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดรถทิ้งไว้กลางแดดทั้งวันแบบต่อเนื่อง แต่ก็เข้าใจถึงสภาพการณ์ที่อาจไม่เอื้ออำนวย อาจเป็นการจอดรถในสถานที่ทำงาน หรือสถานที่ราชการต่างๆ ก็คงทำได้แค่ทำใจและก็ดูแลรถคันโปรดให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น