ยกธงสีรุ้งโบกสะบัด ! Amarin Online ต้อนรับ “Pride Month” พาไปรู้จัก “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” จากอดีต “ทหารในกองทัพสหรัฐ” หลังเกษียณได้เลื่อนยศเป็น “พันเอกกิตติมศักดิ์” ในรัฐอิลลินอยส์ กองกำลังพิทักษ์ชาติสู่วันที่ประกาศให้โลกรู้ว่า ฉันนี่แหละคือ “มหาเศรษฐีสตรีข้ามเพศคนแรกของโลก”
ล้วงลึกเส้นทางชีวิตของ “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” จากจุดเริ่มต้น 16 ปีในกองทัพ จนถึงบั้นปลายชีวิต ที่อุทิศให้กับการช่วยเหลือ LGBTQ+ แบบยั่งยืน ด้วยเปิดมูลนิธิมอบทุนสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องเพศของมนุษย์และอัตลักษณ์ทางเพศ การพัฒนาความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกมองข้าม สนับสนุนการเข้าถึงการดูแลสุขภาพทางเพศ ยา และการบำบัด
“เจนนิเฟอร์ นาทัลยา พริตซ์เกอร์” (Jennifer Natalya Pritzker) เดิมชื่อ “เจมส์ นิโคลัส พริตซ์เกอร์” James Nicholas Pritzker เกิดเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ปี 1950 ปัจุบันอายุ 73 ปี เธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลพริตซ์เกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา โดยมีพี่น้อง 2 คน ต่อมาพ่อแม่ของเธอหย่ากันในปี 1979 ทั้งคู่แยกย้ายไปแต่งงานใหม่ ทำให้เธอมีพี่น้องต่างมารดาอีก 2 คน
“ธุรกิจครอบครัวของพริตซ์เกอร์” ได้สร้างและกระจายธุรกิจครอบครัวในชิคาโก อย่าง Marmon Group ให้กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งของบริษัทอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากกว่า 60 แห่ง แล้วยังสร้าง โรงแรมเครือไฮแอท (Hyatt) ในปี 1957
นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของ สายการบิน Braniff Airlines ตั้งแต่ปี 1983-1988 จนกระทั่งครอบครัวเริ่มขายทรัพย์สินเหล่านี้จำนวนมาก ในปี 2006 , ขายยาสูบไร้ควัน Conwood ให้กับบริษัทบุหรี่ Reynolds American Inc. ในราคา 3.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท (127,155,000,000 บาท) ในปี 2007 ต่อมาขายหุ้นของ Marmon Group 60% ให้ Berkshire Hathaway ในราคา 4.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 163,485,000,000 บาท
ในฐานะทายาทคนหนึ่งในตระกูล “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” ได้รับมรดกและสะสมความมั่งคั่งซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท)
“มีทหารผ่านศึกข้ามเพศหลายพันคนและผู้ที่ยังรับใช้อยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งได้เสียสละส่วนตัวอย่างมหาศาล เพื่อรับใช้ประเทศของตน
โดยยอมให้อัตลักษณ์ส่วนบุคคลของตนเพื่อรับใช้ชาติของเรา”
เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์ กล่าว
อาชีพทหารของ “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” เริ่มต้นด้วยการ เกณฑ์ทหาร ในกองทัพสหรัฐอเมริกาในปี 1974 (พ.ศ. 2517) และต่อมาได้รับมอบหมายให้ประจำการในฝูงบินที่ 1, กรมทหารม้าที่ 17, กองพลบิน 82 ที่ป้อมแบรกก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา และได้เลื่อนยศเป็นจ่าสิบเอก
บทบาทของ “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” ขณะเกณฑ์ทหาร ได้แก่ พนักงานซ่อมชิ้นส่วนการบิน, ทหารปืนไรเฟิล และหัวหน้าทีมดับเพลิง
ประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธออยู่ที่อิสราเอล ในเดือนตุลาคม ปี 1973 เมื่อเธอได้เห็นเหตุการณ์สงคราม Yom Kippur War
หลังจากเสร็จสิ้นการรับราชการทหารในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1977 “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” เรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Loyola แห่งชิคาโก สาขาวิชาประวัติศาสตร์ และเข้าสู่โครงการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กองหนุนของกองทัพบก สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์ ในเดือนพฤษภาคม ปี 1979
และภายในเดือนเดียวกันได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารของกองทัพ รับราชการครั้งแรกกับกองพันที่ 1, กรมทหารราบที่ 503, กองพลทางอากาศที่ 101 ซึ่งตั้งอยู่ที่ป้อมแคมป์เบลล์ รัฐเคนตักกี้ และเป็นเจ้าหน้าที่ในกองพลที่ 7 ที่ค่ายทหารเคลลีย์ ในเยอรมนี
หลังจาก 16 ปี ในกองหนุนของกองทัพบกและดินแดนแห่งชาติของกองทัพอิลลินอยส์ “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” ก็ลาออกในตำแหน่ง “พันโท” ในปี 2001 หลังจากเกษียณ เดือนมีนาคม ปีนั้นเธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น “พันเอกกิตติมศักดิ์” ในกองทัพอิลลินอยส์
จากนั้นเธอได้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์และหอสมุดทหารพริตซ์เกอร์ (Pritzker Military Museum & Library)
“ด้วยความช่วยเหลือจากของขวัญอันใจดีของมูลนิธิ TAWANI
เราจะพัฒนาวิธีแก้ปัญหาที่มีรากฐานมาจากการวิจัย
สำหรับปัญหาสุขภาพทางเพศมากมาย
ที่ผู้คนเผชิญในประเทศนี้”
ดร. อีไล โคลแมน (Eli Coleman)
ผู้อำนวยการโครงการเรื่องเพศวิถีของมนุษย์กล่าวขอบคุณ เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์
“เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tawani Enterprises และ มูลนิธิ Tawani การบริจาคครั้งใหญ่ช่วยปรับปรุงการวิจัยและการดูแลด้านสุขภาพทางเพศอย่างยั่งยืน
มูลนิธิ TAWANI มีประวัติอันยาวนานในการสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับ เรื่องเพศของมนุษย์และอัตลักษณ์ทางเพศ วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศสำหรับผู้สูงอายุ การพัฒนาความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกมองข้าม สนับสนุนการเข้าถึงการดูแลสุขภาพทางเพศ ยา และการบำบัด
โดย “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” ได้บริจาคเงินมากกว่า 6.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 236 ล้านบาท) ให้กับมหาวิทยาลัยมินนิโซตา สำหรับโครงการโรงเรียนแพทย์เรื่องเพศวิถีของมนุษย์ ของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา ในสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ยังมอบทุน 2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72 ล้านบาท) ให้กับมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย ในแคนาดา เพื่อการศึกษาเรื่องเพศ และบริจาค 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36 ล้านบาท) ให้โรงพยาบาล Lurie Children ในชิคาโก สำหรับโครงการพัฒนา Gender & Sex
วันที่ 16 ส.ค. ปี 2013 พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณะ
เธอคือ “มหาเศรษฐีข้ามเพศคนแรกในโลก”
ชีวิตส่วนตัวของ “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” มีลูกสาว 1 คน จากการแต่งงานครั้งแรก และได้แต่งงานครั้งที่ 2 มีลูกชายอีก 2 คน ก่อนจะหย่ากับภรรยาในปี 2014
โดยวันที่ 16 ส.ค. ปี 2013 เธอออกแถลงการณ์ถึงพนักงานบริษัท Tawani Enterprises และ ห้องสมุดทหารพริตซ์เกอร์ และเปลี่ยนชื่อตามกฎหมายอย่างเป็นทางการ จาก “เจมส์ นิโคลัส พริตซ์เกอร์” เป็น “เจนนิเฟอร์ นาทัลยา พริตซ์เกอร์” ซึ่งเธอกลายเป็น “มหาเศรษฐีข้ามเพศคนแรกและคนเดียวในโลก” ซึ่ง Forbes ระบุมูลค่าทรัพย์สินของเธอคือ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ (65,399,400,000 บาท)
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อในตัวตนที่แท้จริงของเธอ ได้เก็บไว้เป็นการส่วนตัว และตอนนี้พร้อมจะเปิดเผยต่อสาธารณะว่า เธอคือผู้หญิงที่สามารถทำธุรกิจได้ทุกด้าน
ถัดจากนั้นอีก 7 ปี ในปี 2020 เธอแต่งงานใหม่อีกครั้ง นับเป็นครั้งที่ 3 กับผู้หญิงชื่อ เอริน อี.โซลาโร ซึ่งทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายขายให้กับผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Women in the Line of Fire และเธอยังเป็นทหารผ่านศึกอีกด้วย
ล่าสุด Forbes ระบุมูลค่าทรัพย์สินของ “เจนนิเฟอร์ พริตซ์เกอร์” ข้อมูลแบบ Real Time Net Worth วันที่ 19 พ.ค. 2567 คือ 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (79,932,600,000 บาท)
https://www.pritzkermilitary.org/about/mission-personnel/board-directors/colonel-jn-pritzker
https://www.forbes.com/pictures/emjl45ihij/jennifer-pritzker/?sh=7788f16ea4b6
https://windycitytimes.com/2020/11/02/jennifer-n-pritzker-erin-e-solaro-wed/
ภาพจาก TAWANI ENTERPRISES, IG@tawanienterprises,ritzker Military Library
Advertisement