Maserati ร่วมฉลอง 50 ปีของ ‘ติญาเนลโล’ (Tignanello) ไวน์แดงชื่อดังระดับโลกสัญชาติอิตาลี มาเซราติ ได้ออกเวอร์ชั่นพิเศษในตระกูล กรันคาบริโอ โฟลกอเร (GranCabrio Folgore) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของมาเซราติ โดยรถยนต์รุ่นพิเศษนี้ สร้างขึ้นแบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้แก่ มาร์เคเซ่ อันติโนริ (Marchesi Antinori) สำหรับการประมูลที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในงาน Arts for all Gala ที่จัดขึ้นใน Festival Napa Valley ซึ่งเป็นเทศกาลงานศิลปะการกุศลชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา
ในโอกาสครบ 110 ปีของค่ายตรีศูล มาเซราติ ได้ร่วมมือกับ มาร์เคเซ่ อันติโนริ ตระกูลผู้ผลิตไวน์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 600 ปี และสืบทอดการบ่มไวน์ต่อกันมาถึง 26 รุ่น จนเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี และด้วยเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ทำให้ มาร์เคเซ่ อันติโนริ หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของโลก สะท้อนถึงความรู้สึกของ มาเซราติ ได้อย่างชัดเจน ในฐานะที่เป็นพระเอกและผู้นำในวงการยานยนต์
แรงบันดาลใจในการสร้าง
แรงบันดาลใจในการรังสรรค์รถยนต์พิเศษรุ่นนี้ เริ่มขึ้นในไร่องุ่นซึ่งเปรียบได้กับรากเหง้าและอาณาจักรส่วนตัว ทั้งมาร์เคเซ่ อันติโนริ และติญาเนลโล ต่างก็มีอาณาจักรที่เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตน จากห้องใต้ดินอันเป็นแดนมหัศจรรย์ที่สรรค์สร้างและหมักบ่มไวน์ชั้นดี จากฉลาก ติญาเนลโล ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และการที่ผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นที่รู้จักยอมรับ เช่นเดียวกับการเป็นแบรนด์ระดับไอคอนของค่ายตรีศูล
มาร์เคเซ่ อันติโนริ และ ติญาเนลโล มาเซราติ ได้วิจัยค้นหาความเป็นเอกลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของแบรนด์ไวน์ชั้นนำดังกล่าว รวมทั้งยกย่องครอบครัวนักบ่มไวน์ชาวฟลอเรนซ์ ด้วยการเลือกสีสัน วัสดุที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม และรายละเอียดสุดประณีต ทำให้ กรันคาบริโอ โฟลกอเร ติญาเนลโล เป็นเหมือนบทกวีที่สรรเสริญไร่องุ่น ติญาเนลโล และความเป็นมา 50 ปี ของไวน์ชั้นนำ
รูปลักษณ์ภายนอกของ Maserati GranCabrio Folgore Tignanello กรันคาบริโอ โฟลกอเร ติญนาเลโล สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งสีของตัวถังที่เป็นสีพิเศษ ‘Terra di Tignanello’ หรือสีน้ำตาลเชสต์นัท ได้รับแรงบันดาลใจจากสีของดินในไร่องุ่น เพิ่มโทนอบอุ่นด้วยสีเบอร์กันดีเหลือบทองแดง ซึ่งสื่อถึงโทนสีแดงของถังบ่มไวน์ ติญาเนลโล ทำให้เนื้อสีเข้มข้นมีเงาเมทัลลิก นับได้ว่าเป็นสีแห่งความเหนือระดับที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งแวดล้อมในไร่องุ่น ขอบและก้านเบรกเป็นสีดำด้านและดำมันตามลำดับ ตราสัญลักษณ์สีทองแดงโลโก้ มาเซราติ สีทองแดงมันบนพื้นผิวมัน ส่วนหลังคาแบบซอฟต์ท็อปเป็นสีดำเช่นกัน
การตกแต่งภายใน
ส่วนรายละเอียดที่โรแมนติกที่สุด คือการตกแต่งภายใน ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของติญาเนลโล และเฉลิมฉลองประวัติของผู้ผลิตไวน์ได้ชัดเจน รวมทั้งนำธรรมเนียมประเพณี นวัตกรรม และความประณีต เบาะนั่งทำจากหนังตกแต่งด้วยวัสดุหลายอย่างในโทนสีเงินและสีแดงเบอร์กันดี ถักทอเข้าด้วยกันด้วยวัสดุของบริษัท Vegea ซึ่งเป็นเส้นใยที่มีความยืดหยุ่นซึ่งพัฒนามาจากวัสดุในไร่องุ่น ชวนให้นึกถึงต้นองุ่นที่เรียงรายเป็นแนวบนเนินเขาติญาเนลโลที่มีหินอัลบาเรส (Alberese) อยู่ตรงกลาง วัสดุนี้ดูเหมือนหนัง และให้ความรู้สึกเดียวกัน ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในยนตรกรรมของ มาเซราติ
ส่วนวัสดุอื่นๆ ทำจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นไม้สีเข้มสลักด้วยเลเซอร์ เพื่อสื่อถึงเทคนิคการใช้ความร้อนในการทำถังไม้โอ๊กสำหรับบ่มไวน์ การตกแต่งที่ประตูมีรายละเอียดสะท้อนถึงการผลิตไวน์ ติญาเนลโล พนักพิงศีรษะปักลายหรูผสานทั้งตราตรีศูลของมาเซราติและดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่น ซึ่งประทับอยู่บนฉลากของของไวน์ติญาเนลโลมานาน นอกจากนี้ยังได้สลักเลข 1971 และ 2021 ด้วยเลเซอร์ลงบนคอนโซลกลาง สื่อถึง 50 ปี ที่ไวน์ติญาเนลโลออกสู่ตลาด
ระบบขับเคลื่อน
กรันคาบริโอ โฟลกอเร เปิดประทุนล่าสุดจาก มาเซราติ ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดในตลาด แบตเตอรี่ 800 โวลต์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัย พัฒนามาจากเครื่องยนต์ของฟอร์มูล่า อี ทรงพลังแต่ยังคงสะดวกสบาย มีสไตล์หรูหราของค่ายตรีศูล
มาเซราติ กรันคาบริโอ เป็นรถยนต์ 4 ที่นั่ง มีหลังคาแบบซอฟต์ท็อป มาพร้อมระบบและรายละเอียดมากมาย เช่น ระบบอุ่นต้นคอสำหรับการเดินทางแบบเปิดประทุน ระบบหยุดกระแสลมที่จะช่วยลดแรงลมหมุนวนภายในห้องโดยสาร
ไวน์ติญาเนลโลถูกหมักบ่มจากองุ่น Sangiovese และ Cabernet ที่เก็บเกี่ยวมาจากไร่องุ่นชื่อเดียวกันในเมือง Tenuta Tignanello ใจกลางแถบ Chianti Classico ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 57 เฮคเตอร์ (141 เอเคอร์ หรือประมาณ 356 ไร่) และได้รับแสงแดดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้
