ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือแล้วหรือไม่? กับสถานการณ์การระบาดของ ไข้หวัดนก H5N1 ในกัมพูชา ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้ว
วันที่ 21 ส.ค.67 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี เผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ ไข้หวัดนก H5N1 ในประเทศกัมพูชา ที่ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้ว เสนอ 6 แนวทาง ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือแล้วหรือไม่? ชายแดนติดกัน
"ด่วน! กัมพูชารายงานผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนก H5N1 รายล่าสุด - เด็กหญิงวัย 15 ปี ไทยเฝ้าติดตามสถานการณ์
นี่คือผู้ป่วยรายที่ 10 ของประเทศกัมพูชาที่ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในปีนี้
กรณีไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 รายที่ 9 ที่เคยถูกถอดรหัสพันธุกรรมในกัมพูชาก่อนหน้านี้ ถูกระบุว่าเป็นสายพันธุ์เอเชีย 2.3.2.1c สายพันธุ์นี้ถูกตรวจพบในหลายภูมิภาค รวมถึงเวียดนามและกัมพูชา ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน การศึกษาระบุว่าสายพันธุ์ 2.3.2.1c แพร่หลายในเวียดนามตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2560 และในกัมพูชาตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2559 สายพันธุ์นี้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การผสมพันธุ์ใหม่และถูกตรวจพบในหลายจีโนไทป์
อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ของกรณีปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เนื่องจากข้อมูลในปัจจุบันไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะเจาะจง
พนมเปญ, 20 สิงหาคม 2567 - กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชารายงานการเสียชีวิตของเด็กหญิงอายุ 15 ปี จากโรคไข้หวัดนก H5N1 ในจังหวัดไพรแวง ทางตะวันออกของประเทศ
เด็กหญิงจากหมู่บ้านโปมินห์ ตำบลคานห์เชียง อำเภอคานห์เชียง จังหวัดไพรเวงมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ และหายใจลำบาก ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ผลการตรวจจากสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติและสถาบันปาสเตอร์ยืนยันการติดเชื้อไข้หวัดนก H5N1
การสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ประมาณ 5 วันก่อนเกิดอาการ มีไก่ตายจำนวนมากในหมู่บ้าน และมีการแจกจ่ายไก่ที่ตายแล้วให้ครอบครัวในพื้นที่ รวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยเด็กหญิงได้สัมผัสกับซากไก่เพื่อนำไปประกอบอาหาร
ทีมตอบสนองเหตุฉุกเฉินจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง และกระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชากำลังดำเนินการสอบสวนโรคในพื้นที่ พร้อมทั้งค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดและแจกจ่ายยาต้านไวรัสทามิฟลู นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์ให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชนในหมู่บ้าน
กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังโรคไข้หวัดนก โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสกับสัตว์ปีกป่วยหรือตาย หากมีอาการไข้ ไอ หรือหายใจลำบาก ภายใน 14 วันหลังสัมผัส ให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทันที และหลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน
ไข้หวัดนก H5N1 เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่อันตราย แม้จะติดต่อจากคนสู่คนได้ยาก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดใหญ่หากไวรัสกลายพันธุ์ ทางการกัมพูชาจึงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในกัมพูชาตะวันออก แต่ด้วยความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และการเดินทางระหว่างสองประเทศ ไทยอาจพิจารณาแนวทางดังต่อไปนี้
1. อาจเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับจังหวัดไพรแวงของกัมพูชา
2. ควรให้ข้อมูลและสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนไทยที่มีแผนเดินทางไปกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อควรระวังในการสัมผัสสัตว์ปีกหรือการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีก
3. อาจทบทวนมาตรการตรวจสอบการนำเข้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกจากกัมพูชา เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย
4. อาจพิจารณาเผยแพร่ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอาการของโรคไข้หวัดนก และวิธีการป้องกันตัวเอง ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ
5. อาจมีการทบทวนความพร้อมของระบบสาธารณสุขในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
6. อาจพิจารณาการประสานงานกับหน่วยงานสาธารณสุขของกัมพูชาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและติดตามสถานการณ์
แนวทางเหล่านี้เป็นเพียงข้อเสนอแนะที่อาจช่วยเพิ่มความตระหนักรู้และการเตรียมพร้อมในประเทศไทย โดยไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกเกินเหตุ ทั้งนี้ การตัดสินใจดำเนินการใดๆ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมกับสถานการณ์จริง
ใน สหรัฐอเมริกา ไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 เป็นสายพันธุ์ 2.3.4.4b ได้แพร่ระบาดเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน "วัวนม" ในรัฐเท็กซัสและแคนซัส สายพันธุ์นี้เกิดขึ้นในปี 2563 และเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด รวมถึงวัว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ใช่โฮสต์ทั่วไปของไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง ในรัฐเท็กซัส
ไวรัสนี้ทำให้เกิดการลดลงอย่างฉับพลันของการผลิตน้ำนมในวัวนม และการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นว่าไวรัสเหล่านี้เป็นจีโนไทป์ใหม่ภายในกลุ่มย่อย 2.3.4.4b
ข้อมูล : ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี