10 เครื่องฟอกอากาศในรถ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ฆ่าเชื้อโรค กรองฝุ่น PM2.5
สภาพอากาศบ้านเรา ณ ตอนนี้ยังรู้สึกเย็นสบาย ทำให้การเดินทางออกนอกบ้านเป็นเรื่องรื่นรมย์ขึ้นมา แต่สิ่งที่เป็นเหมือนตัวขัดขวางความสมบูรณ์แบบ หนีไม่พ้นฝุ่นเจ้ากรรม PM2.5 ที่กลับมาอยู่บนพื้นที่หน้าสื่อ และพื้นที่สีแดงบนแอพลิเคชันเตือนคุณภาพอากาศอีกรอบ
คอนเทนต์แนะนำ
เครื่องฟอกอากาศในรถ ปี 2025
1.Commy AP-002
เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่สามารถกำจัดอนุภาคขนาดเล็กได้ ตั้งแต่ เชื้อจุลินทรีย์ ฝุ่น PM2.5 และก๊าซอันตราย ไม่ว่าจะ ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซิน หมอกควัน และยังสามารถลดกลิ่นเพิ่มคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น ไส้กรองแบบ HEPA อายุเฉลี่ย 3-6 เดือน แรงดูดจากพัดลมคุณภาพสูง และเสียงเบา สามารถใส่ในช่องวางแก้วในรถยนต์ได้สะดวก เมื่อสตาร์ทเครื่องระบบฟอกอากาศจะทำงานแบบอัตโนมัติ
ราคาประมาณ 1,xxx บาท
2.Osram AirZing LEDAS101
เทคโนโลยี Photocatalyst และรังสี UV-A ปล่อยประจุไอออนลบ ในการสลายกลิ่น ฝุ่น PM2.5 และแบคทีเรีย โดยสามารถจัดการได้ถึง 99% รวมถึงกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์ สารประกอบอินทรียย์ TVOC และกลิ่นในรถได้ 90% ดีไซน์กะทัดรัดพกพา และติดตั้งในรถได้ง่าย
ราคาประมาณ 1,xxx บาท
3.GMAX AP-005
ขนาดพื้นที่เหมาะสมใช้งานไม่เกิน 15 ตร.ม. ไส้กรองอากาศ 3 ชั้น Pre-Filter, HEPA Filter และ Carbon Filter มีโหมด Auto ปรับความเร็วพัดลมตามคุณภาพอากาศ มีหน้าจอแสดงผลสถานะและไฟบอกคุณภาพอากาศในตัว เครื่องจะปิดอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ หรือทำงานครบ 8 ชั่วโมง สามารถปล่อยประจุลบ Ionizer ช่วยดักจับฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีขายางกันลื่นรวมถึงสามารถติดหลังเบาะที่นั่งได้ มีช่องใส่น้ำหอม เพื่อเพิ่มกลิ่นในรถได้ด้วย
ราคาประมาณ 1,xxx บาท
4.JVC KS-GA100
ระบบแผ่นกรอง HEPA ประสิทธิภาพสูงดักจับ PM2.5 ละอองเกสร และฝุ่นขนาดเล็ก มีอัตราการดักจับอนุภาคที่ 99.5% ทำงานพร้อมพัดลมความเร็วสูง และการปล่อยประจุลบช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถยนต์ ปรับความเร็วลมด้วยการโบกมืออย่างง่ายดาย วัสดุเป็นอะลูมิเนียม Classy Look ดูพรีเมียม
ราคาประมาณ 2,xxx บาท
5.Sharp IG-NX2B
เครื่องฟอกอากาศในรถทรงกระบอก ที่สามารถฟอกอากาศและกำจัดเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็วด้วยพลังเทอร์โบ ในการเพิ่มจำนวนอนุภาคพลาสม่าคลัสเตอร์บวก และลบ แบบเข้มขึ้นมากขึ้นจากปกติ 3 เท่า สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงไข้หวัดนก H5N1 และสลายกลิ่นอับชื้น สลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น จากการทดสอบยังสามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุใหม่ได้ด้วย
ราคาประมาณ 2,xxx บาท
6.Bwell G8
ระบบกรอง 4 ขั้นตอน สามารถพกพาได้สะดวกด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก และมีแบตเตอรีในตัวพร้อมสายชาร์จ USB Type-C กรองด้วย 4 ชั้น ตั้งแต่ Pre-Filter ที่จับฝุ่นละอองขนาดใหญ่ กรอง HEPA เกรด H11 ระดับ 0.1 ไมครอน ช่วยกรองฝุ่นขนาดเล็ก สารก่อภูมิแพ้ ขนสัตว์ ต่อด้วยแผ่นกรอง Carbon ช่วยในเรื่องการดูดซับและลดกลิ่น และ UV ในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย
ราคาประมาณ 2,xxx บาท
7.Clair B1-BU-0533
ไส้กรองแบบ E2F ที่มีลักษณะเป็นเหมือนแม่เหล็กดักจับ และสามารถกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอน และเชื้อโรคที่ติดต่อทางอากาศได้ ขนาดพื้นที่ใช้งานเหมาะไม่เกิน 10 ตร.ม. ช่องระบายอากาศแบบ 180 องศา กรองอากาศบริสุทธิ์ได้กว่า 99.99%
ราคาประมาณ 3,xxx บาท
8.Philips GoPure Style GP561X1
เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดพกพาที่ดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.004um ซึ่งเล็กกว่าโคโนนาไวรัสถึง 40 เท่า และมีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรีย 100 เท่า ดูดซับจุลินทรีย์ด้วยแสง UVC ทำลายไวรัส H1N1*2 สามารถทำลายแบคทีเรียและไวรัสได้มากกว่า 99.9% แสง UVC LED ที่เข้มข้นใช้ระยะเวลาในการทำลายแบคทีเรียแค 49 วินาที เป็นอุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยกับผู้คนในรถตั้งแต่อายุ 1 เดือน จนถึง 100 ปี
ราคาประมาณ 3,xxx บาท
9.NanoBoozt G8 Pro
ถือว่าเป็นเครื่องฟอกในระดับ Top ของปี 2024 แต่ก็ยังน่าสนใจในปีนี้ ด้วยระบบกรอง HEPA H13+Activated Carbon กรองได้ทั้งฝุ่น PM2.5 กำจัดกลิ่น มี 2 ใบพัดในการทำงาน ทำให้ฟอกอากาศได้รวดเร็ว มีไฟแจ้งสถานะสภาพอากาศ (ไฟเขียว, ไฟน้ำเงิน และไฟแดง) ฆ่าเชื้อโรคโดยปล่อยประจุ Negative Ions และแสง UV จำนวน 4 หลอด สามารถใช้งานร่วมกับพาวเวอร์แบงก์ได้ มีความทนทานต่อแสงแดด
ราคาประมาณ 3,xxx บาท
10.Conoco C8 Pro
ตัวเครื่องมีหน้าจอแสดงผลค่าฝุ่น PM2.5 เพื่อให้เรารู้สถานการณ์ภายในห้องโดยสารแบบเรียลไทม์ มีฟังก์ชัน UV สำหรับฆ่าเชื้อโรค พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับมลพิษ ขจัดกลิ่มไม่พึงประสงค์ในตัวรถได้ มีการปล่อยไอออนประจุลบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นดียิ่งขึ้น มาตรฐานไส้กรอง HEPA H13 (เกรดเดียวกับห้องผ่าตัดในโรงพยาบาล) สำหรับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์รุ่นนี้เหมาะกับรถที่มีพื้นที่ห้องโดยสารตั้งแต่ 4-11 ที่นั่ง ครอบคลุมรถหลายกลุ่มมากๆ
ราคาประมาณ 4,xxx บาท
