Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
มาดูแลรถ เพื่อลดค่าใช้จ่ายกันสักหน่อย ก่อนรถจะพังเสียตังค์มากกว่าเดิม

มาดูแลรถ เพื่อลดค่าใช้จ่ายกันสักหน่อย ก่อนรถจะพังเสียตังค์มากกว่าเดิม

17 ม.ค. 68
16:30 น.
|
27
แชร์

ช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจในบ้านก็อย่างที่รู้ๆ กัน ดังนั้น การใช้จ่ายต่าง ๆ ควรใช้ด้วยความระมัดระวังด้วย เรื่องรถยนต์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรดูแลให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันถือว่าเป็นพาหนะที่จำเป็นไปแล้วแทบทุกครอบครัว และเพื่อไม่ให้เราจำต้องเสียเงินมากมาย ในการซ่อมบำรุงเมื่อมันเสีย เราก็ควรต้องดูแลรักษา โดยการเปลี่ยนอุปกรณ์ ที่ถึงเวลาต้องเปลี่ยน ก่อนที่มันจะพังแล้วลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ 

อย่างรถที่มีปัญหาความร้อนขึ้นสูงเกินกว่าที่กำหนด แต่ยังต้องทนใช้อยู่เพราะยังไม่มีเวลาซ่อมหรือยังไม่มีเงินซ่อม ซึ่งในบางกรณีอาจจะเจอปัญหาค่าซ่อมแพง อย่างเช่น รถที่ปะเก็นฝาสูบรั่วหรือร้าว รถที่ถูกไสฝาสูบมาเพราะฝาสูบเคยโก่งมาก่อน นั่นเป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และต้องหมั่นเติมน้ำกันบ่อย ๆ แต่หากเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ค่าซ่อมไม่แพงก็น่าจะรีบซ่อมซะ เช่นพวก พัดลมหน้าเครื่องมีปัญหา คลัทช์ออกอาการฟรีไม่จับตัวในรอบสูง ๆ ส่วนมากพวกนี้จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งยังใช้พัดลมหน้าเครื่องที่ฉุดด้วยกำลังเครื่องยนต์อยู่

ส่วนพวกรถขับเคลื่อนล้อหน้าก็จะใช้พัดลมไฟฟ้ากัน บางทีใช้ไปนาน ๆ มอเตอร์ของพัดลมก็จะมีปัญหาเสื่อมสภาพทำให้รอบการหมุนตกลงไปได้ แรงลมที่สร้างออกมาไม่มากพอ ก็เลยทำให้มีปัญหาความร้อนขึ้นสูงได้บางทีรถติดนานๆ จนน้ำเดือดก็เคยพบเห็นอยู่บ่อยๆ หรือไม่ก็พวกเซ็นเซอร์สวิทช์พัดลมไม่ทำงานหรือเพี้ยนๆ ทำให้พัดลมไม่ทำงานหรือทำงานในจังหวะที่อุณหภูมิสูงเกินไป

แบบนี้สามารถทดสอบได้ไม่ยากนัก โดยทดลองติดเครื่องแล้วเร่งรอบพอประมาณ จนเข็มวัดความร้อนขึ้นถึงประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งปกติพัดลมไฟฟ้าจะเริ่มทำงานแล้ว ลองปล่อยไว้อีกสักพักหากยังไม่ทำงาน และเข็มความร้อนขึ้นไปเรื่อย ๆ แบบนี้ต้องเช็คดูว่าพัดลมเสียหรือเสียที่สวิทช์อุณหภูมิหรือฟิวส์อาจจะขาดก็เป็นได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นพวกรีเลย์เสียอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งงานนี้คงต้องพึ่งพาให้ช่างไฟฟ้ารถยนต์ตามร้านแอร์ หรือร้านไดนาโมจัดการให้

แต่หากเราอยากรู้ก่อนเบื้องต้นก่อนไปหาช่าง ก็สามารถทดสอบพัดลมไฟฟ้าได้ ด้วยการต่อไฟตรงเข้าไปที่ตัวพัดลม โดยการถอดขั้วเสียบสายไฟเข้าไปที่มอเตอร์พัดลม ซึ่งส่วนมากจะอยู่ใกล้กับตัวพัดลม ลองหาดูและไล่สายไฟจนถึงตัวพัดลมให้แน่ใจดูว่าขั้วไหนเป็นขั้วบวก(+) และขั้วลบ(-) ให้แน่นอน จากนั้นหาสายไฟมาต่อจากขั้วแบตเตอรี่มาที่ขั้วสายไฟ ขั้วบวกต่อกับบวก ขั้วลบต่อกับลบ หากพัดลมหมุนแรงตามปกติก็ต้องไปไล่ที่ระบบไฟกันต่อ ซึ่งวิธีนี้ยังใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า กรณีระบบไฟเสียให้ขับรถต่อไปได้ หากมีปัญหาอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะหยุดรถ เช่น ทางเปลี่ยว ๆ ที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็ต้องพอที่หาสายไฟมาต่อได้ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ไฟลัดวงจรนะ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นการวางเพลิงรถตัวเองซะหยั่งงั้น!

เรื่องปัญหาหม้อน้ำอุดตันจากตะกรันก็พบได้บ่อย ๆ ในรถที่ใช้มานาน ๆ สามารถดูได้จากช่องเติมน้ำจะเห็นมีตะกรันไปอุดอยู่ตามช่องรังผึ้งหม้อน้ำซึ่งเป็นหลอด ๆ เรียงกันอยู่หากตันมากเข้าน้ำร้อนก็ไม่สามารถหมุนเวียนไปให้ลมเป่าได้ จึงมีปัญหาต้องให้ร้านหม้อน้ำถอดออกมาผ่าเอา แผ่นโลหะแบน ๆ ยาว ๆ ทะลวงเอาตะกรันออกและประกอบกลับเข้าไปใหม่

แต่ถ้าเป็นหม้อน้ำอลูมิเนียมนั้น จะล้างแบบนี้ไม่ได้ เพราะส่วนมากฝาครอบด้านบนจะเป็นพลาสติก เมื่อถอดออกมาแล้วไม่สามารถใส่กลับให้เหมือนเดิมได้ เมื่อมีปัญหาจะต้องเปลี่ยนใหม่ ทำได้เฉพาะหม้อน้ำธรรมดาทั่ว ๆ ไปซึ่งสามารถบัดกรีได้

แต่ก็ยังพอมีทางออกหากไม่ค่อยมีเงิน เพราะหม้อน้ำอลูมิเนียมของใหม่แกะกล่อง มีราคาค่อนข้างแพงมาก ก็ต้องพึ่งพาของมือสองกัน ซึ่งเราสามารถไปหาซื้อตามเซียงกงมาใช้ได้ ราคาใบละหลายพันบาทขึ้นไป แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ ต้องเลือกดูที่สภาพดีดี

ส่วนมากแล้วคนที่ไปเอามาจากญี่ปุ่น มักจะคัดเลือกที่สภาพดีดีมาแล้ว ยิ่งถ้าเป็นรถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติที่ใช้ออยล์คูลเลอร์รวมอยู่กับหม้อน้ำ เมื่อมีปัญหาต้องเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่หากยังไม่พร้อมที่จะใช้ของใหม่ของมือสองจะช่วยได้มาก ดีกว่าเสี่ยงใช้หม้อน้ำที่ทำขึ้นมาตามร้านหม้อน้ำ ถึงจะถูกกว่าของใหม่เบิกห้างอยู่เป็นเท่าตัวแต่ความคงทนจะสู้ไม่ได้ หากน้ำรั่วเข้าไปในห้องเกียร์ทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพจนเกียร์พังขึ้นมา และค่าซ่อมเกียร์อัตโนมัตินั้นไม่ใช่ถูก ๆ เหมือนเกียร์ธรรมดาซะเมื่อไหร่ อย่างน้อย ๆ เดี๋ยวนี้ก็ต้องมีประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทขึ้นไป เพราะค่าแรงค่าฝีมือนั้นแพงเอาเรื่อง

อีกปัญหาก็คือ น้ำในหม้อน้ำหรือหม้อพักหายกันอยู่บ่อย ๆ บางทีต้องเติมกันทุกวันจนน่ารำคาญ นอกจากปัญหาเรื่องความร้อนสูงเกินหรือโอเวอร์ฮีทแล้ว ยังอาจมีสาเหตุจากการรั่วซึมตามท่อทางเดินต่าง ๆ ของน้ำหล่อเย็นที่ต้องค้นหา เพราะปกติน้ำจะไม่ค่อยหายไปจากระบบหล่อเย็นได้ง่าย ๆ ส่วนมากปกติจะเติมกันทีก็ประมาณอาทิตย์ละครั้งหรือนานกว่านั้น และน้ำที่ยุบหายไปไม่มาก เติมเพิ่มกันครั้งนึงก็ประมาณไม่เกิน 300 มล. มากสุดก็ไม่น่าเกิน 1 ขวดน้ำเล็ก หากต้องเติมมากกว่านี้ผิดปกติแน่นอน

ต้องไปหาจุดที่น้ำรั่วซึ่งอาจเกิดได้ตามร่อยต่อหรือท่อยางหม้อน้ำที่หมดสภาพ โดยเฉพาะรอบ ๆ ตัวเครื่องยนต์ ตามเสื้อสูบและฝาสูบจะมีช่องตาน้ำที่ปิดไว้ด้วยฝาโลหะ รถบางรุ่นมีการผลิตสำหรับใช้ในหลายภูมิภาค จะมีช่องทางสำหรับให้น้ำร้อนไหลผ่านฮีทเตอร์เพื่อทำความร้อนในประเทศที่มีอากาศหนาว เมื่อไม่ได้ใช้ก็จะอุดเอาไว้ พอใช้รถไปนาน ๆ เข้าตัวฝาที่อุดหรือบริเวณรอบช่องที่อุดไว้เป็นสนิมก็ทำให้รั่วได้ จะสังเกตเห็นมีรอยคราบสนิมสีแดง ๆ ไหลเป็นทางลงมาสู่ด้านล่างแสดงว่ามีการรั่ว เพราะบางทีตอนที่ดับเครื่องน้ำจะยังไม่รั่ว เพราะยังไม่มีแรงดันในระบบ จึงทิ้งไว้แต่รอยคราบดังกล่าว ถ้าพบเห็นแบบนี้ควรนำรถไปให้ช่างซ่อมโดยด่วน

ในบางครั้งหาเท่าไรก็ไม่เจอรอยรั่วแต่น้ำก็หายและความร้อนขึ้น ให้ไปดูที่ปั๊มน้ำอาจมีการรั่วที่ซีลแกนปั๊มน้ำ โดยเฉพาะเครื่องที่ขับเพลาราวลิ้นหรือ เพลาลูกเบี้ยว ด้วยสายพานจะมีฝาครอบด้านหน้าเครื่องปิดอย่างมิดชิดทำให้มองไม่เห็นรอยน้ำรั่ว อาจจะต้องมุดลงไปมองใต้ท้องรถ หรือเอาแม่แรงยกรถขึ้นถึงจะเห็น และต้องติดเครื่องยนต์ด้วย เพื่อให้มีแรงดันในระบบหล่อเย็นถึงจะเห็นน้ำหยดออกมา

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ควรดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมการใช้จ่าย ไม่ให้งอกมากจนเกินความจำเป็น

แชร์
มาดูแลรถ เพื่อลดค่าใช้จ่ายกันสักหน่อย ก่อนรถจะพังเสียตังค์มากกว่าเดิม