FORD เปิดตัวรุ่นย่อยล่าสุดของรถ FORD Ranger และ FORD Everest เจเนอเรชันใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 (Motor Show 2023) พร้อมจัดทัพรถยนต์ฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ทุกรุ่น โปรโมชั่นภายในงานและผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566
รุ่นท็อปใหม่ล่าสุดของเรนเจอร์ เทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถกระบะ ติดตั้งราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้ 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว รองรับน้ำหนักสูงสุดถึง 80 กก. ขณะขับและ 250 กก. ขณะจอด
ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 และ 4x2 ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter มีเทคโนโลยีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) เป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะ (นอกเหนือจาก FORD Ranger Raptor ซึ่งเป็นรถกระบะในตระกูลฟอร์ดเพอร์ฟอร์มานซ์)
กระจังหน้าดีไซน์เฉพาะรุ่น Stormtrak สติ๊กเกอร์ตกแต่งใหม่รอบคัน ติดไฟ AUX Lamp เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ดีขึ้นในทุกสภาพอากาศ และเพิ่มความปลอดภัยในการขับเวลากลางคืน ภายในห้องโดยสารออกแบบตกแต่งด้วยเบาะหนังและหนังสังเคราะห์สีดำ-แดงพรีเมียมสไตล์ Stormtrak
• เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
• กำลังสูงสุด 210 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
• ดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน
• ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20
• โช้คอัพคู่หน้าและหลังแบบโมโนทิวบ์
• ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
• ไฟวิ่งกลางวัน ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี
• ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
• บันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย
• ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) (First-in-class)
• พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V (400W)
• ฝาท้ายแบบผ่อนแรง
• เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า สามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง
• เกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter (First-in-class)
• แท่นชาร์จไร้สาย
• กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB
• ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
• หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว
• หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 4 นิ้ว
• ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™
ที่ได้รับการพัฒนาให้สะดวกรวดเร็วไปอีกขั้น ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนตัวได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย และไม่ต้องละสายตาจากถนน
• ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ
• ระบบ FordPass Connect
• ช่องต่อ USB 4 จุด
• ลำโพง 6 ทิศทาง
• ช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W)
• ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า
• ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
• สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง
• กล้องมองรอบคัน 360 องศา
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System)
• ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation)
• เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto hold (First-in-class)
• ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 4x4)
• ระบบเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด แบบหมุน (เฉพาะรุ่น 4x4)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)
• ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) (First in Class)
• ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (First in Class)
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB)
• ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
• ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
• ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System - BLIS® with cross-traffic alert)
• กล้องมองรอบคัน 360 องศา
• ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
• ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
• ราคา 1,264,000 บาท สำหรับรุ่น 4x2
• ราคา 1,399,000 บาท สำหรับรุ่น 4x4
พร้อมตัวเลือกสีรถ ได้แก่ สีขาวอาร์กติก ไวท์, สีเทา เมทิเออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ (สีพิเศษ เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
สามารถเลือกติดตั้งฝาปิดกระบะท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า (Power Roller Shutter) จากโรงงานเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้แผ่นรองกันกระแทกใต้ท้องรถเป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษติดตั้งเพิ่มเติมโดยผู้จำหน่ายฟอร์ด
เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ไฟฟ้า (E-Shifter) กล้องมองรอบคัน 360 องศา เบรกมือไฟฟ้า เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง ไฟหน้าแบบเมทริก แอลอีดี ไฟท้ายแอลอีดี หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดขนาด 12.4 นิ้ว หน้าจอควบคุมการสั่งงานแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว แท่นชาร์จแบบไร้สาย และระบบเชื่อมต่อการสื่อสารผ่าน FordPass
• เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที
• เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter
• ดิสก์เบรกขนาดใหญ่พิเศษ พร้อมครีบระบายความร้อน
• ล้ออัลลอย 17” พร้อมยางออลเทอเรน BF Goodrich ® K02 ขนาด T285/70 R17
• ระบบเฟืองท้ายหลัง แบบ Locking Differential
• โช้คอัพ FOXTM แบบ Internal Bypass 2.5 นิ้ว
• ระบบเลือกโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดสปอร์ตและโหมดถนนลื่นสำหรับทางเรียบ และโหมดการขับขี่ออฟโรดอย่างโหมดหิน โหมดทราย โหมดโคลน และโหมดบาฮา
• ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
• ไฟวิ่งกลางวันและไฟท้ายแบบแอลอีดี
• ไฟตัดหมอกหน้าแบบแอลอีดี
• ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
• ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
• กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
• ตัวถังขยายกว้างพิเศษพร้อมซุ้มล้อ
• บันไดข้างอลูมิเนียมพ่นผิวกันลื่นสีดำ
• พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V (400W)
• ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
• แผ่นโลหะกันกระแทกใต้ท้องรถชนิดพิเศษ Raptor
• เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์ เฉพาะแบบ Raptor
• เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสาร ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง
• กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
• แท่นชาร์จไร้สาย
• กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB
• ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา
• ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch
• หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว
• หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 4 นิ้ว
• รองรับ WirelessApple CarPlay® และ Android Auto™
• ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A
• ระบบ FordPass Connect
• ช่องต่อ USB 4 จุด
• ลำโพง 6 ตำแหน่ง
• ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
• ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย / และถุงลมบริเวณหัวเข่า
• สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program – ESP) และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control พร้อม Electric Brake Booster
• ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist – HLA) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation – ROM)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Decent Control – HDC)
• เบรกมือไฟฟ้า
• สัญญาณกันขโมยแบบ Volumetric
• ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
• ระบบเตือนการชนด้านหน้า
• ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
• ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
• กล้องมองรอบคัน 360 องศา
• ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
• ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
• ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
• ระบบตรวจจับลมยาง
• ราคา 1,769,000 บาท
สีภายนอกให้เลือก 4 สี
• สีดำ Absolute Black
• สีขาว Arctic White
• สีส้ม Code Orange (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
• สีเทา Conquer Grey (เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
มีตัวเลือกทั้งแบบ 4 ประตู และแบบตอนครึ่ง ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเพิ่มคุณสมบัติด้วยอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ
• ไฟหน้าแบบแอลอีดี มัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบแอลอีดี
• บันไดเหยียบข้างกระบะท้าย
• กล้องมองหลังขณะถอยจอด แสดงภาพด้านหลังรถผ่านหน้าจอแสดงผลบนคอนโซลกลาง
• แผงหน้าปัดดิจิทัล ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 10.1 นิ้ว
• พวงมาลัยไฟฟ้า
• เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
• กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร
• ดิสก์เบรกหน้า พร้อมครีบระบายความร้อน
• ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70 R17
• ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
• ไฟตัดหมอกหน้า
• กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
• บันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย
• กันชนหลังสีเดียวกับตัวรถ
• เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และด้านผู้โดยสาร 4 ทิศทาง
• ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™
• หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว
• ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ
• ช่องต่อ USB 2 จุด พร้อม ช่องต่อไฟ 12V จำนวน 2 ช่อง
• ลำโพง 6 ตำแหน่ง
• สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบริเวณพวงมาลัย
• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (เฉพาะรุ่นตอนครึ่ง)
• ถุงลมนิรภัย 6 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย (เฉพาะรุ่น 4 ประตู)
• ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
• กล้องมองหลังขณะถอยจอด
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
• ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist)
• ระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation)
ภายนอกให้เลือก 5 สี • สีเงิน Aluminium Metallic • สีขาว Arctic White • สีเทา Meteor Grey • สีดำ Absolute Black • สีน้ำเงิน Blue Lightning
• ราคา 794,000 บาทสำหรับกระบะแบบตอนครึ่ง
• ราคา 879,000 บาท สำหรับรุ่นกระบะ 4 ประตู
รุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของรถนั่งอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E- Shifter ระบบขับเคลื่อนแบบ 4x4 ที่มีตัวเลือกโหมดการขับขี่มากถึง 6 โหมดการขับขี่ ประกอบด้วย โหมดปกติ โหมดประหยัด โหมดลากจูงและบรรทุก โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดทราย
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบโฉมใหม่ด้วยสีดำทั้งหมด รวมทั้งเบาะหนังและหนังสังเคราะห์สีดำพร้อมเดินด้ายสีส้ม และโลโก้ซิกเนเจอร์ WILDTRAK ที่เบาะคู่หน้ พร้อมตัวอักษร WILDTRAK สีดำบนฝากระโปรงหน้า
• เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
• กำลังสูงสุด 210 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
• ดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน
• ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20
• หลังคา Panoramic Moonroof (Best in Class)
• ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (First in Class, Best in Class)
• ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูปตัว C ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี
• ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
• ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี
• เกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter (First in Class)
• เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะแถวที่ 3 พับได้แบบไฟฟ้า
• แท่นชาร์จไร้สาย
• กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ
• ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
• กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB
• ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
• หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว (Best in Class) ใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™
• หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว (Best in Class)
• ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ
• ระบบ FordPass Connect
• ช่องต่อ USB 4 จุด
• ลำโพง 8 ตำแหน่ง
• ช่องต่อไฟ 12V 3 ช่อง พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) 1 ช่อง
• ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า
• ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
• สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง
• ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) พร้อม Electric Brake Booster
• ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation)
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)
• เบรกมือไฟฟ้า
• ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Active Park Assist System) (First in Class)
• ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง
• ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB)
• ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
• ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
• ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System - BLIS® with cross-traffic alert)
• กล้องมองรอบคัน 360 องศา
• ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
• ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steering Assist) (First in Class)
• ระบบตรวจเช็กลมยาง
• ราคา 1,899,000 บาท
สีภายนอกให้เลือก 6 สี
• สีเงิน Aluminium Metallic
• สีเทา Meteor Grey
• สีดำ Absolute Black
• สีขาวมุก Snowflake White Pearl (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
• สีเหลือง Luxe Yellow (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
• สีส้ม Sedona Orange (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)
• Next-Gen FORD Ranger XLS โอเพนแค็บ ผ่อนเริ่มต้น 5,599 บาท ดับเบิลแค็บ ผ่อนเริ่มต้น 7,199 บาท
• Next-Gen FORD Ranger Stormtrak และ Next-Gen FORD Ranger Raptor เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%
• Next-Gen FORD Everest Wildtrak ดอกเบี้ยพิเศษ 1.89%
• Next-Gen FORD Ranger รุ่นโอเพ่นแค็บ XL+ จำหน่ายในราคาพิเศษ 599,000 บาท จากราคาปกติ 709,000 บาท
• Next-Gen FORD Ranger รุ่นดับเบิ้ลแค็บ XLT ผ่อนเริ่มต้น 6,999 บาท
• Next-Gen FORD Ranger Wildtrak ผ่อนเริ่มต้นเพียง 9,999 บาท พร้อมรับบัตรน้ำมัน 10,000 บาท เมื่อจองและออกรถภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566
• Next-Gen FORD Ranger Sport และ Next-Gen FORD Ranger Raptor เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง
• รถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ทุกรุ่น มาพร้อมโปรแกรม Ford Care รับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่จากโรงงาน นาน 5 ปี /150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
พิเศษ เมื่อลูกค้าฟอร์ด และครอบครัวที่เป็นเจ้าของรถฟอร์ดอยู่แล้ว ออกรถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ ทุกรุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 มีนาคม 2566 รับฟรีโปรแกรม Ford Care+ มูลค่าสูงสุด 27,290 บาท เพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่ตลอดระยะเวลา 5 ปี ครอบคลุมตั้งแต่การรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่จากโรงงาน การบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ รวมค่าแรงและค่าอะไหล่ ไปจนถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ลูกค้าเดิมที่ซื้อฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไวลด์แทรค รับบัตรน้ำมันเพิ่มเป็น 20,000 บาท ลูกค้าที่สนใจดูข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ford.co.th