NETA บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เผยบริษัทแม่ อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และเสริมการเติบโตในอนาคต เปิดตัวนวัตกรรมทางเทคโนโลยียานยนต์ใหม่แห่งอนาคต Super EREV (Super Extended Range Electric Vehicle) ผ่านรถยนต์รุ่น NETA S Shooting Brake รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Wagon ส่งเทคโนโลยีนี้ลงในรถยนต์ใหม่ปี 2568 เตรียมเปิดไลน์การผลิต NETA X ในประเทศไทยปีหน้า
Extended Range Electric Vehicle หรือ EREV
เป็นรถยนต์พลังงานแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์เหมือนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และมีเครื่องยนต์สันดาปภายใน พร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟ เพื่อเพิ่มระยะการขับขี่ให้มากกว่าระยะทางจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เทคโนโลยีนี้พัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้รถพลังงานไฟฟ้า 100% เต็มตัว รถเทคโนโลยี EREV สามารถขับขี่แบบรถ EV และเติมน้ำมันเพื่อความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
สำหรับ Super EREV ของ NETA นั้น มีความพิเศษที่มีระบบสามารถให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ผลิตกระแสไฟและจ่ายตรงไปยังมอเตอร์ขับเคลื่อนตัวรถ โดยไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่ สามารถใช้ในกรณีที่แบตเตอรี่เกิดอุบัติเหตุ หรือได้รับความเสียหาย ไม่สามารถใช้งานต่อได้ เทคโนโลยี Super EREV ทำให้ระยะทางวิ่งของรถ อาจทำได้มากกว่า 1,200 กิโลเมตรด้วยการเติมน้ำมันและชาร์จไฟ 1 ครั้ง องค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยี Super EREV มี 3 องค์ประกอบ คือ
มร. ชู กังจื้อ (Mr. Shu GangZhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณทุกความไว้วางใจจากลูกค้าชาวไทย โดยตั้งแต่บริษัทเปิดตัวในไทย จนถึงปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่า 22,000 รายเข้าร่วมเป็นครอบครัว NETA เรามั่นใจว่า การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินให้ดีขึ้นของบริษัทแม่ จะช่วยเสริมให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างแข็งแกร่ง ที่สำคัญเราได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด นั่นคือ หนานหนิง อินดัสเทรียล อินเวสต์เมนต์ กรุ๊ป จำกัด (Nanning Industrial Investment Group) ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของโดยตรง ภายใต้การดูแลของรัฐบาลท้องถิ่นหนานหนิง โดยให้การสนับสนุนพิเศษกับ NETA สำหรับซัพพลายเชนในการทำตลาดนอกประเทศจีน นอกจากนี้ เรากำลังทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศฮ่องกง ด้วยการสนับสนุนพิเศษจากผู้ถือหุ้นของเรา ขอขอบคุณที่มั่นใจใน NETA ในฐานะที่ บริษัท NETA เป็นเจ้าของโดยรัฐบาลท้องถิ่นในประเทศจีน”
“NETA ยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ขององค์กร “สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า...เพื่อทุกคน (Tech for all)” โดย NETA ยังได้เพิ่มการลงทุน และขยายตลาดไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ NETA ได้ส่งออกไปมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 460,000 รายทั่วโลก สำหรับแผนการดำเนินงานในประเทศไทย เรายังคงสานต่อกลยุทธ์ "All in Thailand, All for Thailand" ในการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่มีคุณภาพดี และติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง NETA ไม่หยุดยั้งที่จะคิดค้น และวิจัยพัฒนา เพื่อเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ๆ ของเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต และ NETA ขอแนะนำ เทคโนโลยี EREV ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมสุดล้ำของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผสานประสิทธิภาพของพลังงานไฟฟ้า และความยืดหยุ่นของเครื่องยนต์สันดาปภายในมีมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และเครื่องยนต์สันดาปภายในใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ โดยรถยนต์เทคโนโลยี EREV ทำให้สามารถ ขับขี่ในโหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบในระยะทางที่ยาวขึ้นได้ถึง 1,200 กิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งถัง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
“สำหรับ NETA เราภูมิใจที่จะแนะนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่า EREV ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ NETA “Super EREV” คือ เทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องยนต์สันดาปภายใน สามารถทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟและจ่ายตรงไปยังมอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนตัวรถ โดยไม่ต้องผ่านแบตเตอรี่ ทำให้รถ NETA สามารถขับเคลื่อนได้ แม้ในสภาวะที่แบตเตอรี่หมด หรือไม่ทำงานได้ พร้อมเผยโฉม “NETA S Shooting Brake” รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Wagon ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยี Super EREV ลงในรถรุ่นนี้ เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ภายใต้คอนเซป "New Energy, Super Intelligent, More FUN" ที่มาพร้อมดีไซน์สุดล้ำในสไตล์ Wagon ที่ผสมผสานความโฉบเฉี่ยว และสปอร์ตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทั้งนี้ NETA ตั้งเป้าหมายแนะนำเทคโนโลยีนี้ในรถยนต์ NETA รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวให้แก่ลูกค้าชาวไทย ปี 2568” มร. ชู กังจื้อ กล่าว
มร. ชู กังจื้อ เสริมว่า “NETA มั่นใจในศักยภาพการเติบโต และการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาลไทย โดย NETA ตั้งเป้าจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ 1 รุ่น ทุกปี ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป และก้าวสู่การเป็น TOP 5 แบรนด์รถยนต์ในประเทศไทย ภายในปี 2573”