ราคารถมือสองร่วงหนัก -21% ยอดขายดิ่งสุดรอบ 6 ปี คาดปี 68 คลี่คลายขึ้น
เว็บไซต์ CHOBROD ได้มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดรถยนต์มือสองโดยใช้การเก็บข้อมูลการค้นหารถมือสองภายในเว็บไซต์ สำหรับตลาดรถยนต์ในประเทศไทยไม่ว่าจะทั้งตลาดรถใหม่ ตลาดรถมือสอง รวมถึงตลาดรถยึด (ประมูล) ถือว่าเจอความท้าทายมาทั้งปี 2567 ที่ผ่านมา และถือว่าค่อนข้างเป็นความท้าทายครั้งใหญ่อีกด้วย ผ่านปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะสภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันของค่ายรถต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
คอนเทนต์แนะนำ
ตลาดรถมือสองหดตัวหนักสุดรอบ 6 ปี
สำหรับปริมาณการซื้อขายของตลาดรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่มือหนึ่ง หรือรถยนต์มือสอง เจอกับสถานการณ์ทางเดียวกัน สาเหตุจากเศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ยอดขายในปี 67 ที่ผ่านมาจะมีตัวเลขรถใหม่ราว 5.6 แสนคันเท่านั้น ลงลง 28% เมื่อเทียบกับปี 66 ในขณะที่ตลาดมือสองก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน คาดว่าน่าจะลดลงถึง 5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการหดตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี!
สาเหตุจากเข้มงวดด้านสินเชื่อ
ในปี 2566 CHOBROD ระบุว่า การค้นหาเกี่ยวกับรถยนต์มือสองลดลงแบบต่อเนื่อง 12 เดือนติดต่อกัน แม้จะมีการกระเตื้องเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 แต่หลังจากนั้นโนวโน้มก็กลับมาไหลลงจนถึงสิ้นปี สาเหตุหลักมาจากความเข้มงวดของสถาบันการเงินที่ทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นได้อย่างยากลำบากในปีที่ผ่านมา
ส่วนในปีล่าสุดที่ผ่านมา รถมือสองที่ได้รับความนิยมค้นหายังเป็นกระบะ Isuzu D-Max มียอดค้นหาถึง 530,000 ครั้ง ในขณะที่รถซีดานอย่าง Toyota Camry และ Honda Accord มีการค้นหา 385,094 และ 219,166 ครั้ง ตามลำดับ
ราคารถมือสองร่วงต่อเนื่อง
ด้านราคาขายรถยนต์มือสอง ภาพรวมยังมีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน แต่มีการลดลงที่ช้าลงเมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 สาเหตุมาจากราคารถลงต่ำมาในระดับที่มากแล้ว ภายในระยะเวลา 2 ปี ราคารถมือสองร่วงไปถึง 21%
สหการประมูล (AUCT) ประเมินว่าในปี 2568 ราคาในตลาดรถยนต์มือสองน่าจะปรับขึ้น 10-15% เนื่องจากปริมาณรถยนต์มือสองคุณภาพสูงมีจำกัด คาดการณ์ปริมาณรถยนต์มือสองที่จะเข้าสู่ลานประมูลจะอยู่ที่ 2.5 แสนคัน ลดลงจากปีก่อนหน้า ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดคาดว่าทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2567
กนง.ลดดอกเบี้ย
นี่อาจเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ ที่จะส่งผลต่อปี 2568 ในการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านเครดิตสำหรับบุคคลและองค์กรที่มีการกู้ยืม คาดว่าจะทำให้ต้นทุนในการกู้ยืมลดลง และกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล
