Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ยอดขายรถยนต์ปี 2567 ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ยอดขายรถยนต์ปี 2567 ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

4 ก.พ. 68
10:30 น.
|
56
แชร์

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2567 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2568 ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 ยังคงอยู่กับสถานการณ์ที่ท้าทายจากสภาวะโดยรวมและทิศทางของตลาดในปีที่ผ่านมา มีตัวเลขยอดขายรวมในปี 2567 อยู่ที่ 572,675 คัน หรือลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปี 2566

สถิติการขายรถยนต์ในปี 2567

ยอดขายปี 2567

การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566

  • ปริมาณการขายรวม

 572,675 คัน

-26.2%

  • รถยนต์นั่ง

  224,148 คัน

-23.4%

  • รถเพื่อการพาณิชย์

348,527 คัน

-27.9%

  • รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)

200,190 คัน

-38.4%

  • รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)

163,347 คัน

-38.3%

มีปัจจัยหลากหลายด้านที่ส่งผลกระทบของตลาดในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อที่ลดลงตามสถานการณ์ปัจจุบันของเศรษฐกิจ รวมถึง ค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ทรงตัวสูง ตลอดจนความเข้มงวดของมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา อาทิ การที่ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นแรงส่งสำคัญในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากการที่รถยนต์ไฮบริดในไทยมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 29% แสดงให้เห็นถึงทางเลือกเทคโนโลยีของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น

สำหรับยอดขายของโตโยต้าในปี 2567 มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 220,356 คัน หรือลดลง 17.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หากแต่ยังคงความเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 38.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของรถในกลุ่มอีโคคาร์ของโตโยต้าที่เป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถยนต์นั่ง ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสัดส่วนยอดขายรถยนต์ในกลุ่มรถยนต์ไฮบริด (HEV) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น Yaris Cross ที่ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้านับตั้งแต่เปิดตัว

ในขณะที่สัดส่วนยอดขายของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ยังคงครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 44% จากการที่โตโยต้าพัฒนารถกระบะไฮลักซ์ให้รองรับการใช้งานต่างๆ จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความสำเร็จของ Toyota Hilux Champ ซึ่งให้การปรับแต่งเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้เป็นอย่างดี มียอดขายอยู่ที่ 11,743 คัน โดยมีส่วนแบ่งตลาด 7.2% ในกลุ่มรถกระบะ นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่หลากหลายของ   โตโยต้า ก็มีส่วนทำให้สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายต่างๆได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2567

ยอดขายปี 2567

การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566

ส่วนแบ่งตลาด

  • ปริมาณการขายโตโยต้า

220,356 คัน

-17.1%

38.5%

  • รถยนต์นั่ง

 66,912 คัน

-32.6%

29.9%

  • รถเพื่อการพาณิชย์

153,444 คัน

-7.9%

44.0%

  • รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)

91,001 คัน

-29.3%

45.5%

  • รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)

77,987 คัน

-26.8%

47.7%

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2568

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป  พร้อมกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด โดยมีแรงหนุนด้านอุปสงค์จากกิจกรรมในภาคธุรกิจและการลงทุนที่จะกระเตื้องขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการรถยนต์ให้สูงขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนของภาครัฐที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ตลอดจนกลยุทธการส่งเสริมการขายและสงครามราคาจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆที่คงจะทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อการส่งออก ตลอดจนสถานการณ์ที่ทางสถาบันการเงินอาจยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เนื่องจากความกังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงและอัตราหนี้เสียที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป และทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ย ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2568 จะอยู่ที่ 600,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2568

ยอดขายประมาณการ

ปี 2568

เปลี่ยนแปลงเทียบกับ

ปี 2567

  • ปริมาณการขายรวม

600,000 คัน 

+5.0%

  • รถยนต์นั่ง

235,900 คัน 

+5.0%

  • รถเพื่อการพาณิชย์

364,100 คัน 

+4.0%

สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 38.5%

ประมาณการยอดขายรถยนต์โตโยต้าในปี 2568

ยอดขายประมาณการ

ปี 2568

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2567

ส่วนแบ่งตลาด

  • ปริมาณการขายโตโยต้า

231,000 คัน 

+5.0%

38.5%

  • รถยนต์นั่ง

79,300 คัน 

+19%

33.6%

  • รถเพื่อการพาณิชย์

151,700 คัน 

-1.0%

41.7%

  • รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)

87,365 คัน 

-4.0%

47.8%

  • รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)

73,800 คัน 

-5.0%

50.7%

ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2567

ในปี 2567 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 338,107 คัน ลดลง 11% จากปี 2566 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกใน   ปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 536,145 คัน หรือลดลง  14% จากปี 2566

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของ

โตโยต้าในปี 2567

ปริมาณในปี 2567

เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566

  • ปริมาณการส่งออก

338,107 คัน 

-11%

  • ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ

536,145 คัน 

-14%

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2568

สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปี 2568 คาดการณ์ว่ายังต้องเผชิญกับภาวะทรงตัวสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ตลอดจนภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศ  คู่ค้า ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 336,184 คัน หรือลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2568 อยู่ที่ราว 537,860 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.3% จากปีที่ผ่านมา

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2568

ปริมาณในปี 2568

เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2567

  • ปริมาณการส่งออก

336,184 คัน 

-1.0%

  • ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ

537,860 คัน 

+0.3%

แชร์
ยอดขายรถยนต์ปี 2567 ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น