Aston Martin Bangkok เปิดตัว Vantage ใหม่ประเทศไทย รถสปอร์ตสมรรถนะสูง พัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้า ที่ถือกำเนิดมากว่า 76 ปี โดยยังคงแนวคิดเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง เพื่อสมดุลการขับขี่ที่ดี ในแนวคิด "Thrill.Driven." คงเอกลักษณ์เดิม พร้อมเทคโนโลยีจากสนามแข่งฟอร์มูลาวัน
Aston Martin ก่อตั้งในปี 1913 โดย ไลโอเนล มาร์ติน และ โรเบิร์ต แบมฟอร์ต มีจุดเริ่มต้นจากการพัฒนารถแข่งและคว้าชัยชนะในรายการ Aston Clinton Hillclimb ปัจจุบัน ครบรอบ 112 ปีของการดำเนินงาน
New Vantage
ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 21,900,000 บาท
ดีไซน์และรูปลักษณ์
มิติตัวถัง ความยาว 4,495 มิลลิเมตร ความกว้าง 2,124 มิลลิเมตร ความสูง 1,275 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร น้ำหนักรถเปล่า 1,605 กิโลกรัม การออกแบบตัวถัง ตัวถังของแอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ถูกปรับแต่งให้กว้างขึ้น 30 มิลลิเมตร พร้อมโครงสร้างอะลูมิเนียมที่ได้รับการออกแบบเพื่อทนต่อแรงบิดได้สูงขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมรถ การออกแบบกระจังหน้า กระจังหน้าของรถกว้างขึ้นถึง 38% เพิ่มประสิทธิภาพในการนำอากาศมาระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ได้ดีขึ้นถึง 29% ไฟหน้าและดีไซน์ มาพร้อมไฟหน้า Matrix LED ดีไซน์ใหม่ที่มีเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ในตัว สะท้อนเอกลักษณ์ของแอสตัน มาร์ตินในยุคใหม่ ล้อและยาง ล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้วที่มีความกว้างหน้า 9.5J และหลัง 11.5J จับคู่กับยาง Michelin Pilot S 5 ขนาดหน้า 275/35/ZR21 และหลัง 325/30ZR21 โดยมีปั๊มรหัส ‘AML’ ผลิตขึ้นมาเฉพาะสำหรับแวนเทจ ใหม่
ห้องโดยสารและเทคโนโลยี
ห้องโดยสารของแอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยผสมผสานความหรูหราและเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างลงตัว การตกแต่งภายในใช้หนังแท้ Bridge of Weir ซึ่งมีสัมผัสหรูหราและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเพิ่มความพรีเมียมให้กับบรรยากาศภายในห้องโดยสาร มาพร้อมระบบเสียงมาตรฐาน Aston Martin 390W ที่มีลำโพง 11 ตัว เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่สมบูรณ์แบบในทุกการเดินทาง พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้าแปรผันอัตโนมัติ (Variable Electrical Power Assistance) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการควบคุมและความแม่นยำในการขับขี่ ระบบอินโฟเทนเมนท์ ทัชสกรีนอเนกประสงค์ Pure Black ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมปุ่มกดบริเวณใกล้เคียง ช่วยให้การใช้งานสะดวกและรวดเร็ว ระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่ที่รองรับทั้ง iOS และ Android มาพร้อมกับฟังก์ชันหลากหลาย โหมดการขับขี่ แวนเทจ ใหม่มาพร้อมกับ 5 โหมดการขับขี่ ได้แก่ Wet, Sport, Sport Plus, Track และ Individual ที่ให้ผู้ขับสามารถปรับแต่งการตั้งค่าระบบต่างๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการและสไตล์การขับขี่ของตนเอง
ขุมพลังและสมรรถนะ
เครื่องยนต์เบนซิน V8 สูบ ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด โดยการเพิ่มขนาดของเทอร์โบ, ปรับแต่งแคมชาฟท์ (Dual Variable Camshaft Timing) และปรับอัตราส่วนการอัดเป็น 8.6:1 พร้อมการปรับปรุงการระบายความร้อนในห้องเผาไหม้ผ่านการกลึง CNC แบบเต็มรูปแบบ (Fully CNC Machined Combustion Chamber) เครื่องยนต์ให้กำลังสูงถึง 665 แรงม้า (PS) และแรงบิด 800 นิวตันเมตร ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า โดยกำลังสูงขึ้นถึง 30% หรือ 155 แรงม้า (PS) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 15% หรือ 115 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง (Rear Mounted) เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์มีความแม่นยำและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเพลาขับคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fibre Prop Shaft) ที่ช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งกำลัง เฟืองท้ายและการควบคุมการขับขี่ ใช้เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Rear Limited Slip Differential) ช่วยให้การขับขี่มีความแม่นยำและเสถียรยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการเปลี่ยนทิศทางและการเร่งความเร็ว สมรรถนะการขับขี่ แวนเทจ ใหม่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.4 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบกันสะเทือนและแฮนด์ลิง
โครงสร้างตัวถัง ตัวถังของแอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ใช้วัสดุอะลูมิเนียมแบบ Bonded Aluminium ซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและทนต่อการบิดตัวได้สูงขึ้น การกระจายน้ำหนักในตัวถังมีความสมดุลที่ 50:50 ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่และความเสถียร ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน (Double Wishbone) คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมและการตอบสนองต่อการขับขี่ด้านหลัง ช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบมัลติ-ลิงค์ (Multi-Link) คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งช่วยให้การขับขี่มีความสมดุลและเสถียร ระบบกันสะเทือน (Adaptive Damping System - ADS) ระบบกันสะเทือนแบบอะแด๊ปทีฟ (ADS) ที่มีเทคโนโลยี Skyhook และ Intelligent Adaptive Dampers ช่วยให้การขับขี่มีความนุ่มนวลหรือคมชัดตามต้องการ โดยปรับระดับการรองรับการกระแทกตามสภาพถนนและการขับขี่ การออกแบบช่วงล่าง คานขวางช่วงล่างด้านหน้า (Cross-member) ถูกออกแบบใหม่และย้ายตำแหน่งติดตั้งไปข้างหลังมากขึ้น ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับจุดยึดช่วงล่างหน้าแบบดับเบิลวิชโบน และช่วยลดการบิดของตัวถังได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างหลังได้รับการเพิ่มความแข็งแกร่ง 29% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและเสถียรภาพในการขับขี่ ระบบโช้กอัพและเบรก โช้กอัพแบบอะแด๊ปทีฟจาก Bilstein DTX มีช่วงการทำงานที่กว้างขึ้นถึง 500% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งช่วยให้แฮนด์ลิงคมกริบและขับขี่ได้สนุกยิ่งขึ้นจานเบรก จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน ขนาดหน้า 400 x 36 มิลลิเมตร และหลัง 360 x 36 มิลลิเมตร คาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต และหลัง 4 พ็อต โดยสามารถเลือกติดตั้งชุดจานเบรกเซรามิกเป็นออปชั่น