"หมอเจด" ยกเคสผู้ป่วย 2 ราย เพื่อเป็นการเตือนภัยสุขภาพเกี่ยวกับ "มะเร็งเต้านม" ขออย่ากลัวการตรวจสุขภาพ เพราะยิ่งรู้เร็ว รักษาเร็ว มีโอกาสหาย
หมอเจด นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เตือนภัยสุขภาพเกี่ยวกับ มะเร็งเต้านม ไม่มีอาการไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไร อย่าละเลยสุขภาพของตนเอง และขออย่ากลัวการตรวจสุขภาพ ยิ่งรู้เร็ว รักษาเร็ว มีโอกาสหาย
"วันนี้มีเคสที่น่าสนใจอยากยกมาเล่าให้ทุกคนฟังนะครับ เป็นเรื่องของผู้หญิงอายุ 39 ปี ทำงานในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง จริงๆ เธอไม่ได้มีอาการอะไรเลย ไม่เจ็บ ไม่คลำเจอก้อน ไม่มีน้ำไหลจากหัวนม วันดีคืนดีเธอเริ่มคิดมากเพราะมีเพื่อนสนิทเป็นมะเร็งเต้านม แถมอีกคนเป็นมะเร็งปากมดลูก ก็เลยรู้สึกว่ามะเร็งเต้านมมันใกล้ตัว เริ่มกังวลว่าตัวเองจะเป็นอะไรไหม
และด้วยวัยของเธอควรเริ่มที่จะไปตรวจ เลยไปทำแมมโมแกรมกับอัลตร้าซาวด์เพื่อเช็กให้แน่ใจ พอตรวจแมมโมแกรม ก็เจอว่ามี ก้อนขนาด 1.5-1.6 เซนติเมตร อยู่ใต้ลานนมด้านซ้าย แถมยังมีแคลเซียมหรือหินปูนกระจายตัวแบบที่ดูผิดปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งเต้านม งานนี้หมอไม่รอช้า รีบเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจ และผลออกมาว่าเป็นมะเร็งจริงๆ อยู่ใน ระยะ 2 ซึ่งยังพอรักษาได้
ก็โชคดีนะครับที่เจอตอนที่ก้อนยังไม่ใหญ่ และยังรักษาได้ แต่ถ้าโชคไม่ดี อาจจะเจอตอนก้อนใหญ่ รักษายาก และโอกาสรอดชีวิตก็น้อยลงไปด้วย ซึ่งก็ย้ำเหมือนเดินนะครับว่า ควรดูแล และระวังตัวมากๆ
• สาว ๆ อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจแมมโมแกรม + อัลตร้าซาวด์
• คนที่มีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บเต้านม คลำเจอก้อน มีน้ำไหลจากหัวนม หรือผิวหนังเปลี่ยนแปลง รีบไปพบหมอ
อย่างที่เล่าไปนะครับ เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีว่า "ไม่มีอาการ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไร" โชคดีที่ผู้หญิงคนนี้เอะใจแล้วมาตรวจเร็ว ทำให้รักษาได้ทันเวลา ถ้าพบเร็ว โอกาสหายก็สูงมาก เพราะฉะนั้นอย่ากลัวการตรวจสุขภาพเลยนะครับ
อีกเคส ผู้ป่วยเป็น มะเร็งเต้านม เช่นกัน ซึ่ง "หมอเจด" เผยว่า "หญิง 65 ชะล่าใจ จนเป็น "มะเร็งระยะสุดท้าย"
เคสนี้เป็นเรื่องของคุณยายอายุ 65 ปีนะครับ ปกติลูกหลานก็มาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะช่วงเทศกาล อย่างช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้เองที่ลูกหลานกลับมาเยี่ยม ก็เห็นความผิดปกตินะ คือก้อนที่เต้านมซ้ายมันโตขึ้นแบบเห็นได้ชัด คุณยายบอกว่าก้อนเนี่ยมันเป็นมาแล้ว นานละประมาณสองสามปี แต่ว่าก็ไม่ได้กังวลและก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่ตอนนี้รูปร่างเต้านมมันเปลี่ยนไป คือซ้ายดูเล็กลงผิดปกติ แถมหัวนมยังบุ๋มเข้าไปอีก พอจับๆ ดู ก็เจอก้อนแข็งใต้ลานนม ขนาดประมาณลูกแอปเปิ้ล น่าจะประมาณ 7-8 เซนติเมตร เลยตัดสินใจพามาหาหมอ
หลังจากตรวจแมมโมแกรมกับอัลตราซาวด์ ผลออกมาเป็น BI-RADS 5 หรือพูดง่ายๆ ว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งสูงมากกว่า 95% พอตรวจชิ้นเนื้อโดยใช้เข็มเจาะ ก็ยืนยันชัดเจนว่าเป็น มะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
จากนั้นก็วางแผนการรักษาด้วยการตัดเต้านมออกไป และได้ทำการตรวจเพิ่ม พบว่าเซลล์มะเร็งกระจายไปที่กระดูกหลายที่ เช่น สันหลัง ซี่โครง ไหปลาร้า แปลว่าตอนนี้โรคเข้าสู่ระยะที่ 4
การรักษาของเคสนี้ก็จะเป็นการผ่าตัดเต้านมออกไปแล้ว และก็เน้นการประคับประคองเพื่อไม่ให้คุณยายเนี่ยเจ็บปวดต่อไปนะครับ เพราะฉะนั้นก็อยากจะฝากนะครับอายุ ยิ่งอายุมากขึ้น โอกาสเป็นมะเร็งเต้านมก็สูงขึ้น และถึงจะไม่มีวิธีป้องกันมะเร็งเต้านมแบบ 100 % แต่เรา
• ตรวจเต้านมตัวเองทุกเดือน คลำดู ถ้ามีก้อนผิดปกติ หัวนมบุ๋ม หรือผิวหนังเปลี่ยนไป รีบไปพบแพทย์
• เข้ารับการตรวจแมมโมแกรม ผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจแมมโมแกรมทุก 1-2 ปี
• ดูแลสุขภาพโดยรวมด้วย เช่น รักษาน้ำหนัก ถ้าใครมีเรื่องของความอ้วนด้วยก็ลดลง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงลดแอลกอฮอล์ และบุหรี่นะครับ
ฝากด้วยนะครับเคสของคุณยายเป็นตัวอย่างของ มะเร็งเต้านมที่ถูกละเลยจนลุกลามไปกระดูก ทำให้การรักษายากขึ้น
ถ้ารู้ตัวเร็ว อาจรักษาได้ดีกว่านี้ เพราะฉะนั้นอย่ารอจนสายนะครับ แนะนำว่าควรตรวจร่างกายเป็นประจำ เพื่อที่จะดูแลตัวเองและคนที่คุณรักให้ดีที่สุด"
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิงในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก โดยเป็นมะเร็งที่มีอุบัติการณ์สูงที่สุดในผู้หญิง ในประเทศไทย มะเร็งเต้านมอยู่ในอันดับที่ 1 ของมะเร็งที่พบในผู้หญิง ซึ่งมีอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากศูนย์มะเร็งแห่งชาติและสถิติต่างๆ ระบุว่า มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากมะเร็งในผู้หญิงไทย โดยพบผู้ป่วยใหม่จำนวนมากทุกปี ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้
Advertisement