"แฟชั่น" ดูจะเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับคำว่า "ความยั่งยืน" เมื่อมันเป็นสิ่งที่ "มาอย่างไวแล้วไปอย่างไว" นั่นทำให้มันเกิดการผลิตใหม่อยู่เสมอและดึงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปจากโลก ปริมาณ "ขยะ" ก็เพิ่มมากขึ้นมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายแบรนด์ที่พยายามทำให้ "อนาคตของแฟชั่น" ก้าวสู่โลกใหม่ และสอดคล้องกับความต้องการของโลก มุ่งสู่ความเป็น Sustainable Fashion แบรนด์แฟชั่นที่จุดยืนมุ่งสู่ความยั่งยืนและน่าจับตามองในปี 2568 มีอะไรบ้าง Amarin Online รวบตึงมาให้แล้ว
Sustainable Fashion หรือ ความยั่งยืนด้านแฟชั่น คือ ความพยายามในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ และมาตรฐานการผลิตที่มีจริยธรรมในด้านแรงงานคน คำนึงถึงทั้งผู้คนและโลก ดีไซน์ที่ไม่เคยล้าสมัย ดังนั้นคุณสามารถสวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ได้นานกว่าแฟชั่นที่ต้องเปลี่ยนทุกฤดูกาล
หากเวลาที่คุณไปช้อปปิ้งเราขอแนะนำให้มองฟ้าป้ายกำกับ เช่น Repreve หมายถึง เส้นใยจากขวดน้ำรีไซเคิลและขยะหลังการบริโภค , Piñatex หมายถึง เครื่องหนังวีแกน ผลิตภัณฑ์หนังทดแทนจากใบสับปะรดเหลือทิ้ง , ECO Touch หมายถึง เส้นด้ายที่ทำจากการรีไซเคิลขวดพลาสติก PET เป็นต้น
Levi's จุดเริ่มต้นกางเกงยีนส์ตัวแรกของโลก ตั้งแต่เมื่อ 171 ปีก่อน
ลีวายส์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1853 หลังจากปี 1873 Levi Strauss พ่อค้าขายส่งสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มชาวเยอรมัน ร่วมมือกับ Jacob Davis ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับเหล่ากรรมกร ณ เมืองเรโน่ รัฐเนวาดา ได้ร่วมจดสิทธิบัตรในการใช้หมุดปักกางเกง ผลิตยีนส์สีน้ำเงินเป็นครั้งแรก ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1873
"เดนิม" ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษมากที่สุดในอุตสาหกรรมแฟชั่น เพราะกระบวนการที่ใช้พลังงานและสารเคมีเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสร้างสีฟ้า และยังมีปริมาณการใช้น้ำที่สูงประมาณ 7,600 ลิตรสำหรับกางเกงยีนส์ตัวเลยทีเดียว !
ขณะที่ ลีวายส์ คำนึงถึงทรัพยากรที่สำคัญที่สุดนี้ ในปี 2011 จึงริเริ่มโครงการใช้น้ำให้น้อยที่สุด ประหยัดน้ำเกือบ 13 พันล้านลิตร ในปี 2020
ในปี 2020 ลีวายส์ ใช้ผ้าฝ้าย 83% มาจากแหล่งที่ยั่งยืนกว่า รวมทั้งผ้าฝ้ายที่ดีกว่าผ้าฝ้ายอินทรีย์และฝ้ายรีไซเคิล "กัญชงฝ้าย" เมื่อเทียบกับฝ้าย กัญชงจะเจริญเติบโตเร็วขึ้น ใช้น้ำน้อย และทิ้งใบไว้เป็นปุ๋ยแก่ดิน
สำหรับ เส้นใยเซอร์คูโลส เปิดตัวครั้งแรกในกางเกงยีนส์รุ่น Circular 501 ส่วน WellThread ก็เป็นคอลเลกชั่นเสื้อผ้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากที่สุดและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในปีเดียวกันยังเปิดตัวแคมเปญ Levi's@ Second Hand รับซื้อคืนลีวายส์มือสอง นอกจากนี้ยังมีโครงการ Levi's@by Levi's คอลเลคชั่นที่คิดล่วงหน้า นำสินค้ากลับมาใช้ใหม่จากการบริจาค คืน หรือขายไม่ได้ ซึ่งได้ร่วมมือกับนักออกแบบสร้างสรรค์ชิ้นงานปรับแต่งและซ่อมแซมผ้า ด้วยนวัตกรรมใหม่เทคนิคการจุ่ม dyeing ลดการใช้น้ำและพลังงาน
นอกจากนี้แคมเปญ Buy Better, Wear Longer ในปี 2021 ซึ่งเป็นแนวทางและความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้ออย่างมีสติมากขึ้น ออกแบบเสื้อผ้าเพื่อความหมุนเวียนหมายถึงการใช้วัสดุรีไซเคิลและหมุนเวียนที่สามารถผลิตซ้ำได้ และจำกัดการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิต
ลีวายส์ มีเป้าหมายที่จะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยเป็นวางแผนงานในการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ในระยะสั้น ภายในปี 2030 แผนงานของ Levi เป็นไปตามคำมั่นสัญญาซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมแฟชั่นไปสู่แนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน
H&M แบรนด์แฟชั่นสัญชาติสวีเดน ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว ที่ H&M ทำงานด้วยแนวคิดทางธุรกิจคำนึงถึงความยั่งยืน การนำเสนอผสมผสานระหว่างแฟชั่น คุณภาพ ราคา และความยั่งยืนที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
H&M Group Ventures ลงทุนใน Kintra Fibers บริษัทได้พัฒนาโพลีเอสเตอร์ชีวภาพและย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เคยได้รับชนะรางวัล Global Change Award ซึ่งผลิตเส้นใยเซลลูโลสที่มนุษย์สร้างขึ้นจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับ Sparxell เพื่อทดสอบ "กลิตเตอร์และเลื่อม" ที่ทำจากเซลลูโลสเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม
และมีแนวคิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2040
ในปี 2023 H&M ได้เพิ่มปริมาณ วัสดุรีไซเคิลและมาจากแหล่งที่ยั่งยืน ในผลิตภัณฑ์เป็น 25% ตั้งเป้าหมายเพิ่มวัสดุรีไซเคิลเป็น 30% ภายในปี 2025 ตั้งเป้าหมายให้วัสดุของตน 100% นำไปรีไซเคิลได้ หรือจัดหาจากแหล่งที่ยั่งยืนภายในปี 2030
H&M Group ลงนามข้อตกลงซื้อไฟฟ้าเสมือนจริงกับ Lightsource bp ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานพลังงานหมุนเวียนแห่งใหม่ในเท็กซัส
ปัจจุบันโซลาร์ฟาร์มอยู่ระหว่างการก่อสร้างในเขตบราโซเรีย โครงการนี้จะจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่โครงข่ายท้องถิ่น ซึ่งสนับสนุนความเป็นอิสระและความมั่นคงด้านพลังงานในท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 155,000 ตันต่อปี
Stella McCartney แบรนด์แฟชั่นงานฝีมือที่ไร้ความโหดร้าย แฟชั่นกระเป๋าทางเลือกแบบวีแกน ทุกชิ้นสร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ ผลิตในประเทศอิตาลี ด้วยความรักและไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว
Stella McCartney ก่อตั้งในปี 2001 ในปี 2009 กระเป๋า Falabella เปิดตัวโดดเด่นด้วยการใช้มือทำจากผ้าฝ้ายร้อยเชือก พร้อมเครื่องประดับวีแกนกลายเป็นคอลเลกชั่นขายดี ต่อมาในปี 2011 จึงประกาศตัวเป็นแบรนด์ eco-friendly (มิตรต่อสิ่งแวดล้อม)
ไอเทมน่าสอยอีกรุ่นคือ กระเป๋า Ryder ทำจากวัสดุรีไซเคิล ที่จับและขอบทำจาก VEGEA ที่ทำจากองุ่น และซับในทำด้วยป่านออร์แกนิก ซึ่งเป็นเส้นใยจากพืชที่หมุนเวียนตามธรรมชาติ
ในคอลเลกชั่น Summer 2025 เปิดตัวกระเป๋ารุ่นซิลเวอร์เมทัลลิกรุ่นแรกของโลก ที่สร้างสรรค์จาก Hydefy วัสดุที่ทำจากจุลินทรีย์จากเชื้อรา ผสมกับอนุพันธ์ของอ้อย
Nike ก่อตั้งขึ้นในปี 1964 ตั้งแต่ปี 2008 พื้นรองเท้า Nike Air ทั้งหมดที่ผลิตในโรงงาน Air Manufacturing Innovation ของ Nike ในรัฐโอเรกอนและมิสซูรี ประกอบด้วยขยะจากการผลิตรีไซเคิลอย่างน้อย 25%
ในปี 2020 สิ่งอำนวยความสะดวกของ Air MI ทั้งหมดใช้พลังงานลมหมุนเวียน 100% วัสดุที่ใช้ทำพื้นรองเท้า Air ทำมาจากขยะ มากกว่า 90% ถูกนำมาใช้ซ้ำเพื่อสร้างระบบลดแรงกระแทกที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และในปีเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Nike ใช้ฝ้าย 100% และเป็นฝ้ายออร์แกนิกทั้งหมด ปลูกโดยไม่มียาฆ่าแมลงหรือปุ๋ย สังเคราะห์จากเชื้อเพลิงฟอสซิล และยังรีไซเคิลฝ้ายได้มากกว่า 1.5 ล้านปอนด์ในแต่ละปี
สำหรับไนลอน เป็น "ไนลอนรีไซเคิล" ที่เปลี่ยนจากวัสดุหลากหลายประเภท เช่น พรม, อวนจับปลาที่ใช้แล้ว เส้นด้ายไนลอนรีไซเคิลใหม่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 50% เมื่อเทียบกับไนลอนบริสุทธิ์
โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ทำจากขวดพลาสติกซึ่งทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แปลงเป็นเม็ด แล้วปั่นเป็นเส้นด้ายคุณภาพสูง นอกเหนือจากการลดของเสียแล้ว โพลีรีไซเคิลยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 30% เมื่อเทียบกับโพลีบริสุทธิ์ และเปลี่ยนเส้นทางขวดพลาสติกโดยเฉลี่ย 1 พันล้านขวดต่อปี จากการฝังกลบและทางน้ำ
Nike Forward คือวัสดุแบบใหม่หมดที่ผลิตจากชั้นที่บางเฉียบและเจาะด้วยเข็ม มันนุ่มมาก อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ และเบาอย่างไร้เหตุผล คอลเลกชั่นเปิดตัวครั้งแรกได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืน โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ย 75% เมื่อเทียบกับผ้าฟลีซถักแบบดั้งเดิมของแบรนด์
Nike มีเป้าหมายภายในปี 2568 คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 0.5 ล้านตัน ด้วยการเพิ่มการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็น 50% ของวัสดุหลักทั้งหมด ได้แก่ โพลีเอสเตอร์ ผ้าฝ้าย หนัง และยาง ขยะ 100% จะถูกเปลี่ยนเส้นทางจากการฝังกลบในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีขยะอย่างน้อย 80% ที่รีไซเคิลกลับเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ Nike และสินค้าอื่นๆ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าลดการใช้น้ำจืด 25% ต่อกิโลกรัมในการย้อมและตกแต่งสิ่งทอ
Adidas ก่อตั้งขึ้นในปี 1923 อีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลกที่มีจุดยืนอยากสร้างอนาคตที่ดีกว่าผ่านเสื้อผ้าที่ยั่งยืน เครื่องแต่งกายและรองเท้าผ้าใบที่สร้างสรรค์โดยคำนึงถึงโลก ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและต้องการตัดสินใจใช้ชีวิตอย่างมีสติ
ใช้วัสดุ เช่น ผ้าฝ้ายออร์แกนิกที่ช่วยสนับสนุน Better Cotton Initiative และผ้ารีไซเคิลเพื่อลดขยะ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันเสื้อผ้าแต่ละชิ้นก็มีความความทันสมัย ผ่านงานฝีมือที่เชี่ยวชาญ และสุนทรีย์แห่งการออกแบบ ตั้งแต่คลาสสิกเหนือกาลเวลาไปจนถึงเทรนด์ล่าสุด
ตัวอย่างเช่น แจ็คเก็ตตัวยาว ที่ทำด้วยเส้นด้ายที่ประกอบด้วย Parley Ocean Plastic 50% ซึ่งเป็นขยะพลาสติก ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งถูกดักจับตามเกาะห่างไกล ชายหาด ชุมชนชายฝั่ง และแนวชายฝั่ง เพื่อป้องกันมลพิษในมหาสมุทร
หรือเลือกใช้ เสื้อคลุมพาร์กา ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลประสิทธิภาพสูงโดยไม่ใช้โพลีเอสเตอร์บริสุทธิ์ และยังมี เสื้อแจ็คเก็ตบอมเบอร์แบบทอ ที่ทำร่วมกับนักออกแบบแฟชั่นชื่อดังระดับโลกที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งสวมใส่ง่ายและดูน่าทึ่งเมื่อใส่กับกางเกงยีนส์และรองเท้าบูท
ไม่ว่าคุณจะออกไปวิ่งหรือพักผ่อนในสวนสาธารณะ กางเกงยั่งยืนจาก Adidas จะช่วยให้คุณเคลื่อนไหวไปพร้อมๆ กับการปกป้องโลกของเราที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 60% ซึ่งตัดเย็บจากเส้นด้ายรีไซเคิล ที่ออกแบบมาให้ทนทานต่อการซัก หลังซัก โดยไม่หดตัวหรือซีดจาง
PIPATCHARA แบรนด์แฟชั่นรักษ์โลกสัญชาติไทย ที่โด่งดังเป็นพลุแตกหลังจาก "ลิซ่า" สวมชุดที่ทำจากขยะพลาสติกรีไซเคิลกว่า 1,800 ชิ้น ใส่ออกงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ระดับโลกอย่าง Monaco F1 Grand Prix 2024
PIPATCHARA ก่อตั้งในปี 2018 โดยสองพี่น้อง "ทับทิม จิตริณี แก้วจินดา" และ "เพชร ภิพัชรา" มีจุดยืนแฟชั่นที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและวิถีชุมชน ใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หนังวีแกน คอตตอนออร์แกนิก และ infinitude ทำจากขยะกำพร้าที่ไม่มีมูลค่าทางการตลาด เช่น ฝาขวดน้ำดื่ม กล่องทัปเปอร์แวร์ใส่อาหาร ช้อนส้อมพลาสติก
นอกจาก "ลิซ่า" เลือกสวมใส่ PIPATCHARA แล้ว "โอปอล สุชาตา ช่วงศรี" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2024 ยังเลือกสวมใส่ชุดไทย โดยสไบทำมาจากขยะรีไซเคิล เฉิดฉายในวันเก็บตัวประกวดนางงามจักรวาล Miss Universe 2024 ที่ประเทศเม็กซิโก อีกด้วย
ล่าสุด PIPATCHARA เพิ่งไปผงาดบนรันเวย์ London Fashion Week Autumn-winter 2024 และในปี 2025 นี้จะมีไอเทมรักษโลกเด็ดๆ อะไรคลอดออกมาอีก รอติดตามเลยจ้า
CIRCULAR คือแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นที่ผลิตจากวัตถุดิบรีไซเคิล 100% โดยไม่ผ่านกระบวนการฟอกย้อม หรือ การปลูกฝ้ายใหม่
และนำหลัก CIRCULAR fashion หรือ แฟชั่นหมุนเวียนมาปรับใช้ คัดแยกของเสียจากอุตสาหกรรมสิ่งทอตามเฉดสี และ นำมาแปรสภาพเป็นผ้าหลากสี หรือ เสื้อผ้าใหม่ โดยไม่ผ่านกระบวนการฟอกย้อม เพื่อนำกลับมาใช้เป็นสินค้าที่ยั่งยืน และ สร้างผลกระทบที่ดีต่อโลกใบนี้
นอกจากนี้ CIRCULAR ยังร่วม collaborate กับอีกหลายแบรนด์ เพื่อออกผลิตภัณฑ์อย่าง โปรเจกต์กางเกงยีนส์ sustainable ที่ทำร่วมกับ Selvedgework แบรนด์กางเกงยีนส์สัญชาติไทยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม เกิดเป็นกางเกงยีนส์ตัวใหม่ที่ผลิตจากวัตถุดิบ 100% Recycled Cotton
นอกจากนี้ยังมีคอลเลกชั่น KOI Thé x CIRCULAR นำเสื้อยูนิฟอร์มเก่าของ "โคอิ เตะ" มารีไซเคิลเป็นเสื้อใหม่ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รวมถึงร่วมมือกับ MANGO MOJITO ในรุ่น MM for CIRCULAR ปล่อยคอลเลกชั่นรองเท้าชายที่เริ่มมีการเน้นการนำวัสดุรีไซเคิล และอัพไซเคิลมาปรับใช้
ข้อมูลและภาพจาก : levi , hmgroup , stellamccartney , nike , adidas , circular , pipatchara
Advertisement