5 สตรีไทยสร้างแรงบันดาลใจ เปล่งประกายในแบบฉบับของเธอ ฉลองวันสตรีสากล

8 มีนาคม ปี 1977 นับเป็นครั้งแรกของการฉลอง วันสตรีสากล (International Women's Day) โลกจะต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์การต่อสู้ยาวนานเพื่อความเท่าเทียมของผู้หญิง ที่เรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งและสิทธิในการทำงานที่เท่าเทียมกับผู้ชาย Amarin Online พาไปย้อนเส้นทาง 5 สตรีไทยผู้สร้างแรงบันดาลใจและเปล่งประกายแสงในแบบฉบับของเธอ

“เภสัชกรยิปซี” , “วีรสตรีในภาคสนาม“ , “นางฟ้าหมอยา” , “เภสัชกรแห่งชาติ”

สมญานามมากมายที่ใช้เรียก ศาสตราจารย์พิเศษ “ดร.เภสัชกรหญิง กฤษณา ไกรสินธุ์” หนึ่งในตำนานสตรีที่โลกต้องจดจำที่ยังมีลมหายใจ เภสัชกรหญิง ผู้ริเริ่มการวิจัยยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการผลิตยาสามัญชื่อ “ยาเอดส์” เป็นครั้งแรกในโลก ในปี พ.ศ. 2538 ผลิตยาชนิดแรกคือ “ซิโดวูดิน” (ZIDOVUDINE) หรือ “เอแซดที”(AZT) มีฤทธิ์ในการลดการติดเชื้อจากแม่สู่ทารกในครรภ์

และเป็นครั้งแรกของโลกอีกครั้ง กับการคิดค้นยา “ยาจีพีโอ-เวียร์” (GPO-VIR) ซึ่งรวมตัวยารักษาโรคเอดส์ 3 ชนิดไว้ในเม็ดเดียว ทำให้ยามีราคาถูกลง ผู้ป่วยเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษา แต่กระนั้น ผลจากการอุทิศตนเพื่อสังคม บางครั้งก็ไม่ได้มีคนที่ยินดีกับสิ่งนี้

“ดร.เภสัชกรหญิง กฤษณา” ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแพรว ฉบับ 927 คอลัมน์ SPECIAL SCOOP ในตอนหนึ่งเธอได้เล่าว่า

“ยารักษาโรคเอดส์ราคาถูกลง ลดการกินยาจากวันละ 6 เม็ด เหลือ 2 เม็ด ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาจากหลักหมื่นเป็นหลักพันบาท ทำให้รัฐบาลไทยสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ได้เพิ่มขึ้น ส่วนตัวดิฉัน ถูกบริษัทยาฟ้องร้อง ข่มขู่ ขึ้นศาล ติดแบล็กลิสต์ เพราะทำให้เขาเสียผลประโยชน์ แต่ดิฉันถือว่าคนจะตาย รอไม่ได้ ต้องช่วยเหลือ”

บนความเชื่อว่า ทุกคนมี “สิทธิที่จะมีชีวิต” ทุกคนมี “สิทธิในการเข้าถึงยา” อันถือเป็น “สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน”

ในปี พ.ศ. 2545 หลังจากประเทศไทยประกาศในการประชุม องค์การอนามัยโลก ว่าจะช่วยแอฟริกาผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา 30 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 90 ของคนทั้งโลก แต่โครงการช่วยเหลือดังกล่าวเงียบหายไป

“ดร.เภสัชกรหญิง กฤษณา” ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม” แล้วเดินทางไประเทศคองโกเพียงลำพัง เพื่อตั้งโรงงานเภสัชกรรมแห่งแรก ใช้ระยะเวลา 3 ปี จนประสบความสำเร็จในการผลิตยาต้านเชื้อไวรัสเอดส์ชื่อ “แอฟริเวียร์” (Afrivir)

แต่เบื้องหลังก่อนความสำเร็จเพื่อมวลมนุษยชาติ “เภสัชกรหญิง” เกือบแลกด้วยชีวิต เพราะบ้านพักถูกยิงปืน ยิงระเบิดใส่ แต่ยิงพลาดไปตกบ้านข้างๆ ในเหตุการณ์นั้น เธอก็ยังยืนยันว่า “ไม่ได้ทำให้กลัวหรือเปลี่ยนความตั้งใจ”

นอกจากนี้ยังเดินทางไปช่วยอีกหลายประเทศ เช่น แทนซาเนีย, เบนิน, เอริเทรีย ,ไลบีเรีย และยังคิดค้น ยารักษามาลาเรีย “ไทยแทนซูเนท” (Thai-Tanzunate) ยาเหน็บทวาร “อาร์เตซูเนท” เพื่อรักษาโรคมาลาเรียในเด็ก

12 ปีที่เดินทางไปในประเทศแถบแอฟริกาใต้เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย จนได้ฉายา “เภสัชกรยิปซี”
เพื่อให้ทุกประเทศเข้าถึงยาได้ ได้ถ่ายทอดความรู้ในการผลิตยาต้านเอดส์ และยารักษาโรคมาลาเรีย มากกว่า 15 ประเทศ ซึ่งเป็นประเทศด้อยพัฒนาและยากจน

“นางฟ้าหมอยา” ยังคิดค้นผลิตยาสมุนไพรไทย 64 รายการให้มีมาตรฐาน มีโครงการ “ลังกาสุกะโมเดล” เพื่อพัฒนาการผลิตยาสมุนไพรใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ สอนเภสัชกรในโรงพยาบาลและชาวบ้านในชุมชนที่เป็นอดีตโจรจีนคอมมิวนิสต์ผลิตยาสมุนไพร จนสามารถเปิดโรงงานผลิตยาสมุนไพรแห่งแรกที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส รวมไปถึงพัฒนาและผลิตยาแผนปัจจุบันจำนวนมาก เช่น ยารักษาโรคเบาหวาน ยาลดความดัน ยาลดคอเลสเตอรอล และยาสำหรับเด็ก

เกียรติประวัติและผลงานได้รับการยกย่องจากทั่วโลก ไม่ว่าจะรางวัล นักวิทยาศาสตร์โลก (อังกฤษ: Global Scientist Award) จากมูลนิธิเลตเต็น ประเทศนอร์เวย์ ประจำปี พ.ศ. 2547, รางวัล บุคคลแห่งปีของเอเชีย ประจำปี พ.ศ. 2551, รางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. 2552, รางวัล เภสัชกรแห่งชาติ และรางวัลอื่นๆ กว่า 200 รางวัล

มีการนำเรื่องราวของ “ดร.เภสัชกรหญิง กฤษณา” ไปสร้างภาพยนตร์สารคดีชีวประวัติในปี พ.ศ. 2549 เรื่อง “A Right to Live - Aids Medication for Million” และคว้า 3 รางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ในปีพ.ศ. 2550 มีละครบรอดเวย์ชื่อ ค็อกเทลล์ (Cocktail)

ในปีพ.ศ. 2560 “บิล เกตส์” มหาเศรษฐีระดับโลกชาวอเมริกัน ได้ทำคลิปความยาว 2 นาที เพื่อยกย่อง เภสัชกรจากประเทศไทย “ดร.เภสัชกรหญิง กฤษณา” ผู้อุทิศชีวิตเพื่อพัฒนายาให้ราคาถูกลงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ความพยายามของเธอได้ช่วยชีวิตและปรับปรุงชีวิตผู้คนมากมาย จนสมญานามให้เป็น “Heros in the field” หรือ “วีรสตรีในภาคสนาม”

ในบทสัมภาษณ์จากหนังสือ New Heart New World 2 ตื่นเพื่อตนเอง ตื่นเพื่อผู้อื่น เมื่อเภสัชกรหญิงถูกถามว่า “ความสุขที่ได้นั้นเพียงพอต่อการอุทิศชีวิตทั้งชีวิตให้คนอื่นหรือไม่ ?”

คำตอบคือ “สิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นการทำเพื่อคนอื่น เพื่อให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความคิดที่ดีขึ้น มีสุขภาพที่ดีขึ้น แล้วก็มีความสุข การทำเพื่อคนอื่นทำให้เรามีความสุข กลับกันสิ่งที่เราทำให้ตัวเองมันจะตายไปพร้อมกับเรา แต่ถ้าเราทำให้คนอื่น มันจะยังคงหลงเหลืออยู่ สิ่งนี้คือความสุขในชีวิตที่เกิดจากการทำให้ผู้อื่น เป็นสุขที่เกิดจากการให้”

ขอบคุณภาพจาก : krisana.kraisintu.2024

---

“กชกร วรอาคม” ภูมิสถาปนิกหญิงไทย “นักออกแบบเมือง” ผู้พยายามเปลี่ยนเมืองที่กำลังจม ให้กลายเป็นภูมิทัศน์ที่ช่วยป้องกันน้ำท่วม “นักสร้างสวน” ที่มีจุดยืนด้าน climate change และให้ความสำคัญกับ Sustainability ผู้กวาดรางวัลการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมเพื่อเมืองระดับนานาชาติ และยังขึ้นทำเนียบ 1 ใน 100 ของนิตยสาร TIME

“กชกร วรอาคม” จบการศึกษาภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง และได้ทุนไปศึกษาต่อที่บัณฑิตวิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (GSD) ในด้านภูมิสถาปัตยกรรม

จากการศึกษาที่นี่ทำให้ค้นพบว่าถนัดการออกแบบพื้นที่สาธารณะ ในลักษณะเชิงผสมผสาน Greenovative Design กลับมาเป็นภูมิสถาปนิก ตั้งบริษัท Landprocess ปัจจุบันยังเป็น อาจารย์พิเศษคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คนสร้างงาน งานสร้างชื่อ หากกล่าวถึงผลงานออกแบบภูมิทัศน์ที่โด่งดังของ “กชกร วรอาคม” หลายคนรู้จักสถานที่ที่เธอสร้างเหล่านี้ดี เช่น

อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นแปลงเกษตรในเมืองบนหลังคาเขียวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากที่สหรัฐ

สวนเกษตรลอยฟ้าใจกลางสยามสแควร์ Siam Green Sky , ภูมิทัศน์ของสยามสแควร์วัน, สี่แยกราชประสงค์, สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี เฟส2 จากคลองที่สกปรกที่สุดแห่งหนึ่งในย่านธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สู่ทางเดินสีเขียวและเย็นสบายสำหรับเมือง, ภูมิทัศน์ของสวนลุมพินี, ทางเดินคนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งดัดแปลงโครงสร้างเดิมของโครงการรถไฟฟ้าลาวาลิน

สวนบำบัดลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ โรงพยาบาลรามาธิบดี, สระว่ายน้ำสำหรับผู้พิการทางสายตา มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ฯลฯ

“กชกร วรอาคม” ติดทำเนียบ TIME 100 Next 2019 ในหมวด ผู้สร้างนวัตกรรม (Innovators) โดยเป็นภูมิสถาปนิกไทยคนแรก ที่พัฒนาสวนสาธารณะขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่สามารถกักเก็บน้ำฝนได้ 1 ล้านแกลลอน อย่าง อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สวนสาธารณะเนื้อที่ 28 ไร่

นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล UN Global Climate Action Award 2020 , ผู้เป็นแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลประจำปี 2020 ของ BCC, ภูมิสถาปนิกไทยที่ติด 1 ใน 15 Women Leading the Fight Against Climate Change ของนิตยสาร TIME

“กชกร วรอาคม” ภูมิสถาปนิกหญิงไทยคนเดียวและคนแรก ที่เป็น Speaker ได้ขึ้นพูดบนเวทีระดับโลก TED WOMAN 2018 ที่จัดขึ้นที่อเมริกา โดยพูดถึงหัวข้อ "วิธีเปลี่ยนเมืองที่กำลังจมให้กลายเป็นภูมิทัศน์ที่ช่วยป้องกันน้ำท่วม"

ล่าสุด ปีที่ผ่านมา “กชกร วรอาคม” ได้กล่าวบรรยายถึงปัญหา climate change หัวข้อ “ภูมิสถาปัตย์กับการออกแบบพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงสู่ความยั่งยืน” ว่า

“คนไทยถือว่าเป็นชาวน้ำ แต่เรากลัวน้ำ อันนี้เป็นปัญหาใหญ่ เรามีคลองแต่ถมคลองไปกว่าครึ่ง คำถามคือ คลองเท่ากับระบบระบายน้ำตามธรรมชาติ เมื่อเราลืมว่าเราเป็นคนน้ำ เมืองก็เป็นอย่างที่เราห็น (ภาพเหตุการณ์มหาอุทกภัยปี 2554) เมืองของเราปลูกบนที่ราบลุ่มน้ำท่วม เราไม่ได้พูดถึงสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว แต่พูดถึงเมือง ความหลากหลายทางชีวิต พืช สัตว์ ต่างๆ มากมาย ทั้งหมดคือสิ่งแวดล้อม ทำยังไงให้เมืองบวกธรรมชาติ”

“ทำไมเมืองต้องพึ่งพาธรรมชาติ กรุงเทพ อ่าวไทยอยู่ลิบๆ จริงๆ แล้วเรากำลังเจอปัญหาเมืองจม ก้อนน้ำทั้งหมดนี้ต้องผ่านกรุงเทพ แต่เราไม่ยอมให้กรุงเทพเปียก เราทำยังไงดีคะ เราก็เลยไปท่วมคนอื่นที่เป็นคนไทยเหมือนกัน ใช่ไหมคะ ปัญหาเดียวคือ เราไม่ยอมให้กรุงเทพเปียก ถ้าเรายอมให้กรุงเทพเปียกเหมือนอดีต แล้วทุกคนโอเค ประเทศรอด อันนี้คือทางแก้ค่ะ แต่เราไม่ยอมเปียกเราก็เลยไปสร้างเขื่อน ทำลายป่า สร้างปัญหาต่างๆ มากมาย แค่เราไม่ยอมเอาบ้านเอาเมืองอยู่บนเสา ถ้าคิดง่ายๆ มันแค่นั้นจริงๆ แต่เรากำลังสร้างปัญหาที่ก่อปัญหาใหม่ แต่สุดท้ายมันต้องเปียก มันต้องท่วม”

“ถ้าขั้วโลกใต้ทั้งหมดละลาย เพียงแค่ 10 % กรุงเทพก็จะจมน้ำ ในปี 2050 กรุงเทพจะมีแนวโน้มการน้ำท่วม แบบในรูปขวามือ”

ขอบคุณภาพจาก : G@kotch_voraakhom , www.landprocess.co.th

---

“ในวันที่หนูตายไป ชื่อของหนูยังคงอยู่ตลอดไป...เทนนิส พาณิภัค นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย”

“เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์ระดับโลก ที่กวาดเหรียญทองนับไม่ถ้วนที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว “เทนนิส” ใช้เวลา 20 ปี ในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิก สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ ย้อนกลับไป เด็กน้อยวัย 9 ขวบ เติบโตมาพร้อมกับโรคประจำตัว อย่าง ภูมิแพ้ ส่งผลให้ร่างกายผอมแห้งแรงน้อย แพ้อาหารง่าย กินอะไรไปก็แพ้ คัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นลมพิษ จนต้องส่งโรงพยาบาล

ในวันนั้นเธอเล่าว่า ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยได้ ต้องสู้กับคำดูถูก หลายคนบอกให้เธอกลับไปเรียนหนังสือดีกว่าไหม ไปทำอย่างอื่น มีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่เชื่อมั่น และบอกกับเธอว่า ร่างกายเธอไม่ได้พิการ และเธอไม่ได้เล่นกีฬาด้อยไปกว่าใคร จึงเป็นจุดที่ทำให้เธออยากลบคำดูถูกจากคนอื่นให้ได้

“เทนนิส” แบกกระเป๋าออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 13 ปี เข้าสู่การเป็นนักกีฬาเทควันโดเยาวชนทีมชาติ ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก เส้นทางเหรียญทองที่เก็บเกี่ยวมาระหว่างทาง กับสถิติที่ไม่เคยมีนักกีฬาไทยคนไหนทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ แลกมาด้วยร่างกายที่พังพินาศ ทำให้ “เอ็นไขว้หลังบาดเจ็บ” กับ “ข้อสะโพกหลวม” แต่กระนั้นก็ทำให้ ท่าไม้ตาย “ท่าตอกส้นเข้าท้ายทอย” (Hook Kick) ของเธอ ร้ายกาจยิ่งกว่าใครๆ

รายการเหรียญทอง โอลิมปิก

เหรียญทอง - ชนะเลิศ ปารีส 2024
เหรียญทอง - ชนะเลิศ โตเกียว 2020

รายการเหรียญทอง ชิงแชมป์โลก
เหรียญทอง - ชนะเลิศ เชเลียบินสค์ 2015
เหรียญทอง - ชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ 2019

รายการเหรียญทอง เอเชียนเกมส์

เหรียญทอง - ชนะเลิศ จาการ์ตา–ปาเล็มบัง 2018
เหรียญทอง - ชนะเลิศ หางโจว 2022

รายการเหรียญทอง ชิงแชมป์เอเชีย

เหรียญทอง - ชนะเลิศ ทาชเคนต์ 2014
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ปาไซ 2016

รายการเหรียญทอง แกรนด์สแลม

เหรียญทอง - ชนะเลิศ อู๋ซี 2018
เหรียญทอง - ชนะเลิศ อู๋ซี 2019

รายการเหรียญทอง กรังด์ปรีซ์

เหรียญทอง - ชนะเลิศ มอสโก 2017
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ลอนดอน 2017
เหรียญทอง - ชนะเลิศ อาบีจาน 2017 (รอบสุดท้าย)
เหรียญทอง - ชนะเลิศ เถาหยวน 2018
เหรียญทอง - ชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ 2018
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ชิบะ 2019
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ปารีส 2022
เหรียญทอง - ชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ 2022
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ริยาด 2022 (รอบสุดท้าย)
เหรียญทอง - ชนะเลิศ โรม 2023
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ไท่หยวน 2023
เหรียญทอง - ชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ 2023 (รอบสุดท้าย)

รายการเหรียญทอง ซีเกมส์

เหรียญทอง - ชนะเลิศ กัวลาลัมเปอร์ 2017
เหรียญทอง - ชนะเลิศ มะนิลา 2019
เหรียญทอง - ชนะเลิศ ฮานอย 2021
เหรียญทอง - ชนะเลิศ พนมเปญ 2023

รายการเหรียญทอง กีฬามหาวิทยาลัยโลก

เหรียญทอง - ชนะเลิศ ไทเป 2017
เหรียญทอง - ชนะเลิศ เนเปิลส์ 2019
เหรียญทอง - ชนะเลิศ เฉิงตู 2021

รายการเหรียญทอง กีฬาโอลิมปิกเยาวชน

เหรียญทอง - ชนะเลิศ หนานจิง 2014

รายการเหรียญทอง ชิงแชมป์เยาวชนเอเชีย

เหรียญทอง - ชนะเลิศ จาการ์ตา 2013

ขอบคุณภาพจาก : panipak2540 , tiktok.com@panipak2540

---

“ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” จากสาวน้อยบุรีรัมย์ในวันนั้น สู่ซูปเปอร์สตาร์ระดับโลกในวันนี้

ความสำเร็จของ “ลิซ่า” กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนกล้าที่จะทำตามความฝัน เมื่อเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุ 14 ปี ที่ใฝ่ฝันจะเป็นศิลปิน กล้าที่จะต้องออกไปเผชิญโลกกว้างตามลำพัง ในดินแดนที่แม้แต่ภาษายังไม่สามารถสื่อสารได้

“ลิซ่า” เป็นเด็กฝึกหัดอยู่ในสังกัด YG Entertainment นานถึง 5 ปี จนในที่สุดก็สามารถเดบิวต์เป็นหนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปวง Blackpink และก้าวมาเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ดังระดับโลก

แต่สถิติมีไว้ทำลายเสมอ และประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ก็มีให้เขียนบันทึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนิ้วแทบล็อก สำหรับศิลปินเกาหลี สัญชาติไทยที่ชื่อ “ลิซ่า”

อ่านต่อ คลิกที่นี่

เธอคือเจ้าแม่ Sold out ไม่ว่าจะหยิบจับสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอันขายหมดเกลี้ยง จนคว้าตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกมาหลายแบรนด์ดังอย่าง Celine, BVLGARI และ Louis Vuitton

แน่นอนว่า “ลิซ่า” ไม่ได้มีอิทธิพลอยู่ในต่างประเทศเท่านั้น แม้ผลงานในประเทศไทยจะไม่มี แต่เธอคือ ที่สุดของพลังซอฟ์พาวเวอร์ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ไม่ว่า “ลิซ่า” จะกินอะไร ไปเที่ยวที่ไหน สวมชุดอะไร ล้วนเกิดกระแสฟีเวอร์ตลอด

ในด้านงานเพลงหลังจากได้สยายปีกบินเดี่ยวออกมาเปิดค่ายของตนเองก็ปล่อยเพลงสุดปังรัวๆ ได้ร่วมงานกับนักร้องระดับโลกนับไม่ถ้วน ได้มีโอกาสคว้ารางวัล Best K-pop เป็นศิลปินเดี่ยวหญิง K-POP ในงาน MTV VMAs 2022 เพลง LALISA และคว้ารางวัลเดียวกันอีกครั้ง ปี 2024 จากเพลง Rockstar

นอกจากนี้ยังเป็น คนไทยคนแรก ที่ได้ขึ้นแสดงโชว์บนเวทีรันเวย์ Victoria's Secret Fashion Show 2024 และตอกย้ำความเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ด้วยการขึ้นแสดงโชว์ครั้งแรกบนเวที Oscars 2025 ล่าสุดยังมีโอกาสเผยความสามารถในการแสดง กับการเล่นซีรีส์ครั้งแรกทางช่อง HBO เรื่อง The White Lotus ซีซัน 2

ขอบคุณภาพจาก : lalalalisa_m

---

“โปรดมาเที่ยวที่เมืองของฉัน” ประโยคเดียวโลกไม่ลืม... 60 ปีผ่านไป ตำนานนางงามจักรวาลคนแรกของไทย “อาภัสรา หงสกุล” ยังคงอยู่เป็น แรงบันดาลใจของ “หญิงแท้และพี่กะเทย” ที่ส่งต่อรุ่นต่อรุ่น สักวันมง 3 มาแน่ !!

เวทีประกวดนางงามนั้นมีมากมาย ประวัติศาสตร์นางงามไทยที่ถูกจารึกก็มีหลายคน แต่หากจะพูดถึง การประกวดนางงามที่กลายเป็น “วาระแห่งชาติ” และยังคงเป็นความหวังในหัวใจคนไทยมาถึงทุกวันนี้ ก็ต้องยกให้การประกวด “นางงามจักรวาล” หรือ Miss Universe

การประกวด Miss Universe ไม่ใช่เรื่องแค่เฉพาะกลุ่มคนใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันคือ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกในรูปแบบนางงาม และสามารถดึงความสนใจของคนไทยทั้งประเทศได้ทุกปี ราวกับข่าวสารอื่นในโซเชียลถูกชัตดาวน์ เพราะคนทุกคน ทุกวัน ทุกเพศ จะเปิดหน้าจอชมการถ่ายทอดสด การประกวดนางงามจักรวาลอย่างพร้อมเพรียง โดยมีการนัดหมายเวลา 7 โมงเช้า เป็นประจำทุกปี

ย้อนกลับไปวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 “อาภัสรา หงสกุล” ตัวแทนสาวงามจากประเทศไทย วัยเพียง 18 ปี ตัวเล็ก ผมสีดำ ยืนอยู่ท่ามกลางสาวสวยผมบลอนด์มากมาย สุดท้ายสามารถคว้ามงกุฎ Miss Universe บนเวทีที่จัดขึ้น ณ เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างประวัติศาสตร์นางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทยได้สำเร็จ

“อาภัสรา หงสกุล” ปัจจุบันอายุ 78 ปี แต่เวลายังพรากความสวยไปจากเธอไม่ได้

ขอบคุณภาพจาก : apasrahongsakula