เมื่อขยะไม่ใช่ภาระ แต่เป็นขุมทรัพย์พลังงานสะอาด เดนมาร์กพลิกเมืองสู่ความยั่งยืน สร้าง CopenHill โรงงานผลิตพลังงานจากขยะที่ใหญ่ที่สุดและสะอาดที่สุดที่มนุษย์เคยสร้าง
ปัญหาขยะล้นโลกเป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจทั่วโลก สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากร การบริโภคที่มากเกินไป และการจัดการขยะที่ไม่เหมาะสม แม้หลายประเทศจะมองว่าขยะเป็นภาระของเมือง แต่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก กลับมองว่าเป็นขุมทรัพย์ แล้วหาวิธีเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานสะอาดได้อย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตรกับทั้งคนและโลก
กรุงโคเปนเฮเกน ตั้งเป้าเป็นเมืองปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2025 (พ.ศ. 2568) โดยมี "CopenHill" (โคเปนฮิลล์) โรงงานผลิตพลังงานจากขยะที่ใหญ่ที่สุดและสะอาดที่สุดที่มนุษย์เคยสร้าง กลายเป็นหัวใจหลักในการก้าวไปถึงเป้าหมายนี้
CopenHill เป็นโรงงานเผาขยะที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในแต่ละวันจะได้รับขยะประมาณ 250-350 รถบรรทุก ซึ่งขยะเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกขยะที่เข้มงวดตั้งแต่แหล่งกำเนิด ก่อนนำเข้าสู่ระบบการเผาที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบ DynaGrate ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ ลดมลพิษ และกู้โลหะจากขยะเพื่อรีไซเคิลได้อย่างคุ้มค่า โดยแต่ละปีสามารถเผาขยะได้ถึง 560,000 ตัน และเปลี่ยนพลังงานจากขยะเหล่านี้ให้กลายเป็นไฟฟ้าป้อนครัวเรือนได้กว่า 30,000 ครัวเรือน และความร้อนที่ส่งตรงถึงบ้านเรือนกว่า 72,000 ครัวเรือน ทำให้เดนมาร์กสามารถลดการใช้ก๊าซธรรมชาติในฤดูหนาวลงได้อย่างมาก ซึ่งในกระบวนการเผานี้จะได้เป็นพลังงานความร้อนที่ทำให้น้ำเดือด ไม่มีสารพิษหรือมลพิษเล็ดลอดออกมาจากปล่องโรงงาน มีเพียงไอน้ำสะอาดที่ลอยออกไปในอากาศเท่านั้น และไอน้ำที่ได้จากน้ำเหล่านี้ก็จะไปทำให้กังหันทำงาน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งเทคโนโลยีทำความสะอาดก๊าซไอเสียยังช่วยลดสารตกค้างที่เป็นของแข็งถึง 45% และสามารถกู้น้ำคืนได้ 100 ล้านลิตรต่อปี รวมทั้งยังสามารถนำขี้เถ้าจากการเผา 100,000 ตัน มาใช้เป็นวัสดุในการทำถนนได้อีกด้วย
โรงงานแห่งนี้ไม่ได้จำกัดการจัดการขยะเฉพาะในเดนมาร์ก แต่ยังรับขยะจากประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น สหราชอาณาจักร ที่มีปัญหาหลุมฝังกลบล้น ขยะเหล่านั้นถูกนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดย CopenHill ยังมีแผนติดตั้งระบบดักจับคาร์บอนที่คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 500,000 ตันต่อปี ซึ่งเป็นการยกระดับความยั่งยืนไปอีกขั้น
ทั้งนี้ ความสำเร็จของเดนมาร์กไม่ใช่แค่โรงงานผลิตพลังงานจากขยะเท่านั้น แต่เรื่องการลดใช้พลาสติกก็ไม่เป็นสองรองใคร ชาวเดนมาร์กกว่า 68% สนับสนุนแนวทางการรีไซเคิลพลาสติกและมองว่าเป็นเรื่องดี โดยตั้งแต่ปี 1993 เดนมาร์กออกกฎหมายเก็บภาษีถุงพลาสติก ทำให้ปัจจุบันคนเดนมาร์กใช้ถุงพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งเพียง 4 ใบต่อปี และการนำถุงพลาสติกกลับมาใช้ซ้ำของซุปเปอร์มาร์เก็ตยังสร้างความสำเร็จจนประเทศอื่น ๆ ต้องทำตาม การรีไซเคิลขวดและกระป๋องก็เป็นอีกเรื่องที่คนเดนมาร์กทำจนเป็นนิสัย ด้วยระบบคืนเงินที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการลดขยะ
อย่างไรก็ดี CopenHill ไม่ใช่แค่โรงงานผลิตพลังงานจากขยะ แต่ยังเป็นพื้นที่สาธารณะที่สามารถให้ทุกคนมาใช้ได้ เนื่องจากโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ไม่ปล่อยสารพิษออกมาจากปล่องควัน ภายในโรงงานมีเนินสกีเทียมที่เล่นได้ตลอดทั้งปี เส้นทางวิ่ง และผนังปีนผาที่สูงที่สุดในโลกถึง 100 เมตร นอกจากนี้ยังมีการปลูกต้นไม้บนดาดฟ้า กลายเป็นจุดเช็กอินสุดคูล การออกแบบนี้มาจากแนวคิด “Hedonistic Sustainability” หรือการผสมผสานความสุขกับความยั่งยืน เพราะ Bjarke Ingels สถาปนิกผู้ออกแบบเชื่อว่า ความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องน่าเบื่ออีกต่อไป ด้วยแนวคิดทั้งหมดนี้กรุงโคเปนเฮเกนได้แสดงให้โลกเห็นว่า การจัดการขยะสามารถกลายเป็นโอกาสในการสร้างพลังงาน สร้างความสนุก และเชื่อมโยงชุมชนเข้าด้วยกันได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งแต่ละประเทศสามารถทำตามได้ และต้องร่วมกันนำพาโลกไปสู่ความยั่งยืนด้วยกัน
Advertisement