จากกรณีเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 13 ต.ค. 65 ร.ต.ท.หญิง จิรญา ทองช้อย รองสารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีชายคลุ้มคลั่งทำร้ายผู้หญิง ก่อนจะลากเข้าไปในบ้านเป็นตัวประกัน ภายใน ซ.รุ่งโรจน์ ม.4 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้าน มีกองเลือดจำนวนมากอยู่บนพื้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เกลี้ยกล่อมคนร้ายอยู่ประมาณ 1 ชม. เพื่อให้ชายคุ้มคลั่งคนดั่งกล่าวปล่อยแฟนสาวที่ถูกแทงก่อนจับไปทำเป็นตัวประกัน ซึ่งได้รับบาดเจ็บอาการสาหาหัส
ก่อนนำ น.ส.รุ่งธิวา เห่งเส็ง อายุ 35 ปี โดยมีบาดแผลบริเวณลำคอและลำตัวอีกหลายแผล ผู้บาดเจ็บส่งรักษายังโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
ด้าน นายสมหวัง สังข์อุดม อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุ นำตัวไปสอบสวนที่ สภ.สัตหีบ เบื้องต้นยังให้การวกไปวนมา
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ม.4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ. ชลบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ใกล้กันประตูห้องน้ำมีร่องรอยคราบเลือดวาวอยู่หน้าบ้าน มีรอยการทุบตีจากข้างนอกห้องน้ำ เนื่องจากผู้บาดเจ็บแอบหลบในห้องน้ำและถูกตามตัวไปทำร้ายร่างกาย โดยในพื้นที่เกิดเหตุได้มีการล้างรอยคราบเลือดออกไปหมดแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางกฤษฏี จงรัตนดี อายุ 53 ปี แม่ผู้บาดเจ็บ ระบุว่าลูกสาวกับผู้ก่อเหตุคบหากันได้เพียงแค่ 5 เดือน โดยก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุวันที่ 12 ต.ค. 65 ลูกสาวตนเองโทรศัพท์มาหาและบอกว่าจะกลับบ้าน นายสมหวัง แฟนลูกสาว มีอาการแปลก ๆ คลั่งพูดไม่รู้เรื่องเหมือนไม่ใช่คนเดิม ตนเองได้บอกไปว่าแม่ก็เคยด่าเคยเตือนแล้วทำไมไม่ฟัง ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ตนเองโกรธกับลูกสาวอยู่จึงวางสายไป
จนกระทั่ง ลูกสาวได้กลับมายังบ้านในวันที่ 12 ต.ค. 65 แต่ตนเองนั้นยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับลูกสาวเนื่องจากตนเองและลูกสาวนั้นทะเลาะกัน เพราะว่าเมื่อ 3 เดือน ก่อนตนเองเคยห้ามปราม เตือนลูกสาวที่จะคบหากับ นายสมหวัง เพราะตนเองดูชายคนนี้พฤติกรรมนิสัยดูไม่เหมือนคนปกติ เป็นคนเงียบ ๆ นิ่ง ๆ และดูไม่น่าจะดูแลลูกสาวตนเองได้ เขามีอาชีพรับจ้างทั่วไปทำสวน ตนเองเคยเห็นพฤติกรรมพูดแปลก ๆ พูดไม่รู้เรื่องน่าจะยุ่งเกี่ยวยาเสพติด จึงเตือนด่าลูกไปลูกไม่ฟังเพราะลูกรักเขามาก ลูกเลยหนีออกจากบ้านทะเลาะกับตนเอง หนีไปอยู่กับนายสมหวังได้ประมาณ กว่า 3 เดือน
ในวันที่เกิดเหตุ วันที่ 13 ต.ค. 65 นั้นตนเองเดินทางออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาและกลับบ้านมาในช่วงเวลา 14.00 น. ตนเองกลับมาแล้วเห็นว่าบ้านปิดประตูล็อกเอาไว้ซึ่ง จุดดังกล่าวจะเป็นจุดที่ตนเองเปิดค้างเอาไว้เป็นประจำ จะเป็นประตูที่แมวจะเดินทะลุหลังบ้านไปห้องครัวไปกินอาหาร แต่ประตูดังกล่าวนั้นก็ถูกปิดล็อกเอาไว้ ตัวเองก็รู้สึกว่าผิดแปลกจึงเดินเข้ามาประตูหน้าบ้าน
เมื่อเข้าบ้านมาก็จะผ่านกับห้องน้ำและจะเจอประตูที่ตรงไปยังห้องครัวแต่ประตูดังกล่าวนั้นมีตู้เสื้อผ้าสูง 170 เซ็นติเมตร ปิดขวางกั้นเอาไว้อยู่ไม่สามารถทะลุไปด้านหลังได้ เพียงไม่นานตนเองได้ยินเสียง นายสมหวัง ตะโกนเสียงดังพูดว่า “แม่ครับช่วยผมด้วยผมกลัว มีคนตามมาฆ่าผมกว่า 100 คน ผมต้องปิดเอาไว้“ ตนเองก็บอกว่าปิดเอาไว้ทำไมเดี๋ยวจะเอาข้าวไปวางหลังบ้าน ตนเองพยายามจะเปิดแง้มประตู แต่นายสมหวังดันเอาไว้ ลูกสาวก็อยู่หลังตู้เสื้อผ้าบอกว่า “เธอก็ขบัยเอาตู้เสื้อผ้าออก แม่จะได้เข้าบ้านได้“
จนเองมองว่าผิดแปลกแล้ว แต่ไม่อยากแสดงอาการตระหนกตกใจ และตนเองก็เข้าไปคุยด้วยตรงบริเวณหลังบ้านห้องครัว ตนเองก็คุยกับลูกสาวครู่นึงว่าเดี๋ยวออกไปหน้าบ้านกันเดี๋ยวหาวิธีช่วย แฟนลูกสาวที่มีคนตามมาฆ่าขณะนั้น แฟนลูกสาวก็เลื่อนตู้เสื้อผ้าปิดประตูกั้นอีกครั้ง ขังเอาไว้อยู่ 3 คน ในห้องครัว เพียงไม่นานตนเองก็บอกว่าเปิดทางออกเลื่อนตู้เสื้อผ้าหน่อย ตนเองจะไปตามคนมาช่วยถ้ามีคนมาทำร้าย
นายสมหวัง ก็บอกว่า “แม่ผมขอโทรศัพท์หน่อย เดี๋ยวจะต้องโทรหาใครสักคนเพื่อที่จะมาช่วยผม” ตนเองมองว่าเดี๋ยวท่าไม่ดี ถ้าจะมายึดโทรศัพท์และกันตัวเอาไว้และทำร้าย ตนเองและลูกต้องไม่ปลอดภัยแน่ ๆ จึงออกอุบายว่า เดี๋ยวตนเองออกไปตามคนมาช่วย ให้ นายสมหวัง เลื่อตู้ออกจากประตูให้หน่อย เมื่อตนเองพยายามแทรกตัวออกได้ ตนเองพาลูกสาววิ่งออกทางหน้าบ้านกำลังจะถึงประตูรั้วหน้าบ้านแล้วลูกก็พยายามแทรกตัวมาตามหลังมา ต่างคนต่างพยายามวิ่งหนี
ลูกสาวตะโกน “แม่ช่วยลูกด้วย แม่ช่วยลูกด้วย “ และลูกตนเองก็วิ่งตามมา ตนเองรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้ว เพื่อให้ลูกสาววิ่งตามหนีมาได้ เพียงไม่นานตนเองเห็นว่า นายสมหวัง ก็คว้ามือลูกสาวตนเอง และมือนึงถือกรรไกร และอีกมือจับตัวเอาไว้ ไปแทงคอกระหน่ำแทงตัวลูกสาวตนเอง ซ้ำๆหลายครั้ง
ลูกสาวยังพูดว่า “แม่ช่วยลูกด้วย ๆ “ ตนเองร้องไห้ทำอะไรไม่ถูกจะเข้าไปช่วยเหลือก็ไม่ได้ จึงรีบวิ่งไปตามชาวบ้านมาช่วย แต่ นายสมหวัง ก็ได้ลากลูกสาวตนเองกลับเข้าไปในบ้าน และคาดว่า ในบ้าน ลูกสาวคนพยายามหนีเข้าห้องน้ำ และแฟนลูกสาวก็ทุบพังประตู ได้ยินแต่เสียงร้องขอความช่วยเหลือ จนตำรวจมา และเขาเองก็ไปหลบแอบอยู่หลังห้องครัวใช้ตู้เสื้อผ้าปิดห้องครัวอีกครั้ง เพื่อป้องการเข้ามาของเจ้าหน้าที่
ตำรวจและกู้ภัย ได้นำตัวลูกสาวตนเองออกจากห้องน้ำ และนำตัวไปโรงพยาบาลก่อน โดยตนเองก็ไปกับลูกสาวจนกว่า 1 ชั่วโมงกว่า เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไว้ได้ ตนเองเสียใจมากชายคนนี้ คลั่งยาแน่นอนพูดคุยไม่รู้เรื่อง ได้แต่พูดซ้ำ ๆ ว่ามีคนกว่า 100 คนจะตามฆ่า ซึ่งเขาเองไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียไปแล้ว อยู่ตัวคนเดียว ตอนนี้ตนเองไม่อยากพูดอะไรกับผู้ก่อเหตุเลย แค่อยากถาม “มาทำลูกสาวทำไม เขาเป็นผู้หญิง ไม่มีทางสู้ ตัวเล็กบอบบางแค่ผลักก็เจ็บแล้ว “
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติคดีของ นายสมหวัง พบว่าในปี 52 ต้องโทษจำคุกคดีฆ่าผู้อื่น ก่อนจะพ้นโทษออกมาในปี 60
ภาพจากกล้องวงจรปิด วันที่ 13 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 15.29 น. มีชาวบ้านขับรถนำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาชี้บ้านที่เกิดเหตุชายคลั่งทำร้ายร่างกายแฟนสาว โดยจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขับรถลงมาเพียง 1 นาย และเดินเข้าไปตรวจยังบ้านดังกล่าว โดยได้เดินวนตรวจสอบบริเวณหน้าบ้าน
ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 15.39 น. จะเห็นว่ารถเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้ขับเข้ามาในพื้นที่ เพียงไม่นานได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ กว่าหลายสิบนาย รวมทั้ง ทหาร มาบุกเข้าเพื่อเตรียมควบคุมระงับเหตุและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
กล้องวงจรปิดจับภาพรถพยาบาลออกจากพื้นที่ เพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บไปส่งยังโรงพยาบาล เพียงไม่นานเวลาประมาณ 16.46 น. จะเห็นว่ามีรถกระบะคันสีขาวจอดอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายสมหวัง ผู้ก่อเหตุ ใส่ท้ายรถกระบะเพื่อควบคุมตัวนำตัวส่งยังสถานีตำรวจ สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ทีมข่าวเดินทางไปยัง หมู่บ้านเนินทราย เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้พูดคุยกับ นายสมเดช ทัพทอง อายุ 68 ปี ลุงผู้ก่อเหตุ ได้เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองก็ไม่รู้ว่า หลานชายออกไปจากบ้านตอนไหน แต่แฟนของหลานชายนั้นไม่ได้มีเพียงผู้บาดเจ็บคนเดียว เท่าที่รู้มีประมาณ 3-4 คน ซึ่งรูปภาพที่เปิดให้ดูก็ไม่ค่อยคุ้นอีก เพราะส่วนใหญ่เวลาพาผู้หญิงมานอนบ้าน จะไม่ให้ผู้หญิงออกจากบ้านเลย
ลักษณะนิสัยหลานตนเอง เป็นคนที่โกรธโมโหง่าย อารมณ์ฉุนเฉียวไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ค่อยยกมือไหว้มือไม้แข็ง อีกครั้งเป็นคนดื้อหัวรั้น ไม่ฟังใคร ใครพูดอะไรไม่เข้าหูก็พาลหาเรื่อง ตนเองก็เคยโดนด่าทอคำหยาบคายใส่ ยอมรับว่าหลานชายนั้นเคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดซึ่งก็ทราบว่าเคยทราบมาก่อนและเมื่อเสพก็จะพูดคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งปกติคุยไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว หลานชายตนเองนั้น เคยสร้างปัญหามีคดีติดตัวมาก่อนเมื่อประมาณ 12 ปีที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุฆ่าคนโดยใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตเองนั้นก็เป็นญาติญาติกันทั้งนั้น ซึ่งติดคุกจนออกมาได้สักระยะนึง ก็กลับมาก่อเหตุครั้งนี้อีก
ตนเองก็เหนื่อยใจไม่รู้จะทำอย่างไร พูดห้ามปรามเตือนอะไรก็ไม่ได้โตแล้ว ไม่ค่อยฟังใคร ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินคดี เพราะมีด้วยกัน 3 ข้อหา “พยายามฆ่า บุกรุกเคหะสถาน เสพยาเสพติด” เนื่องจากตำรวจได้มีการตรวจปัสสาวะและพบว่าหลานชายเสพยาเสพติดในวันดังกล่าวและก่อเหตุจริง
Advertisement