ความคืบหน้ากรณีการค้นหา น้องต่อ เด็กวัย 8 เดือน ที่หายตัวออกจากบ้านในพื้นที่ บ.คลองท่อ หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา
วันที่ 15 ก.พ. 66 โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าเวลา 08.30 น. ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี เป็นไปด้วยความเงียบสงบยังไม่พบความเคลื่อนไหวของการนำตัว นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ พุด อายุ 19 ปี และ น.ส.พิไลภรณ์ ก่อเจริญ หรือ นิ่ม อายุ 17 ปี พ่อและแม่น้องต่อ เดินทางมาที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน หลังพนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้จะต้องสอบสวนให้เกิดความกระจ่างเพื่อคลายความสงสัยของสังคม และกำลังรวบรวมเอกสารรวมทั้งสำนวนการสอบสวนทั้งหมด โดยจะนำตัว นายพุด และ น.ส.นิ่ม เข้าเครื่องจับเท็จ ตามคำสั่งของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กล่าวว่าต้องเร่งคลี่คลายความสงสัยของสังคม
ขณะที่ บ้านหลังจุดเกิดเหตุในพื้นที่ หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มารับตัว นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ พุด อายุ 19 ปี และ น.ส.พิไลภรณ์ ก่อเจริญ หรือ นิ่ม อายุ 17 ปี พ่อและแม่น้องต่อไปยัง สภ.บางหลวง
โดย "น.ส.นิ่ม" กล่าวสั้น ๆ ว่า วันนี้ตามกำหนดเดิมตำรวจจะพาเข้าไปเข้าเครื่องจับเท็จที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จังหวัดปทุมธานี ซึ่งกำหนดเดิมจะเดินทางกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า แต่ตำรวจแจ้งทั้งตนและพุดเมื่อคืนนี้บอกว่าไม่ต้องไปแล้ว และถ้าหากตำรวจจะพาไปใหม่จะแจ้งมาอีกครั้ง
ด้าน “ลุงวี” เปิดเผยว่า ในวันนี้เข้ามาให้การกับชุดสืบสวนเป็นรอบที่ 3 และยังยืนยันว่า ทุกอย่างที่เคยให้การเป็นความจริงและไม่ได้ผิดเพี้ยน ซึ่งขณะที่ตนอยู่บริเวณแถวปากซอยบ้าน ตนหันไปเห็นเพียงชายรูปร่างท้วมใส่เสื้อสีเหลือง กางเกงขาสั้น ทำท่าลักษณะอุ้มเด็กวิ่งออกไปในซอกตรงข้ามบ้านของนิ่ม โดยเหตุการณ์ตอนนั้นตามเดิมคือช่วงเวลาตนจำไม่ได้ แต่จำได้แค่ว่าหลังจากที่พระบิณฑบาตแล้วเลยคาดว่าอาจจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 7 โมงกว่า
ย้ำว่าตอนนั้นตนเองเอะใจ เพราะว่าชายคนดังกล่าวทำท่าคล้ายเหมือนอุ้มอะไร ยกมือ 2 ข้าง แต่ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้อง เมื่อทีมข่าวถามถึงลักษณะรูปพรรณสัณฐานของชายเสื้อเหลืองรายดังกล่าว ทางเจ้าตัวจำหน้าไม่ได้แต่ยืนยันว่าไม่ใช่คนในพื้นที่แน่นอน พร้อมระบุว่า ตัวเองเล่นกับน้องต่อประจำ ถ้าบุคคลตั้งใจมาขโมยเด็กจริงก็จะไม่ยอม แต่เห็นแค่เลือนลางเท่านั้นด้วยความที่ตาเป็นต้อ
ขณะที่ นางรำพึง สียางนอก อายุ 66 ปี ป้าของ น.ส.นิ่ม เปิดเผยว่า เมื่อวานตำรวจมารับตัวตนที่บ้านให้ไปช่วยเกลี้ยกล่อมหลานสาวให้พูดความจริง เนื่องจากตนเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ใจเย็นที่สุด ซึ่งตนใช้เวลาพูดคุยกับนิ่มอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง พยายามบอกให้พูดความจริงหากรู้ว่าใครเอาหลานไปก็ให้บอกมา แต่นิ่มก็ปากแข็งบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น
จากการสังเกตของตน เมื่อวานนิ่มดูเครียดมาก เวลาพูดคุยจะไม่สบตานั่งก้มหน้าสายตาล่อกแล่กถามคำตอบคำ ซึ่งตนมองว่าแปลก เพราะโดยปกติเมื่อก่อนเวลานิ่มมาหาที่บ้านหรือเวลาพูดคุยกันนิ่มจะมองหน้าและสบตา แต่พอเกิดเรื่องไปคุยกันที่โรงพัก พฤติกรรมการพูดคุยจะตรงกันข้ามไปหมด ตนจึงเชื่อว่านิ่มอาจพูดความจริงไม่หมดหรือยังมีบางอย่างปิดบังอยู่ ซึ่งตนก็พยายามเกลี้ยกล่อมหลานอย่างเต็มที่แล้ว แต่นิ่มไม่ยอมปริปากบอกข้อมูลเลยแม้แต่น้อย จึงไม่ทราบว่านิ่มจะเกี่ยวข้องกับกรณีหลานหายจริงหรือไม่ ส่วนตัวขอฝากควมมหวังไว้ที่ตำรวจ
ด้าน นางปัทมาพร ภูต้อม อายุ 55 ปี อาของ น.ส.นิ่ม บอกว่า เมื่อวานตนเองเดินทางไปโรงพักพร้อมกับพี่สาวคือนางรำพึง เพื่อไปช่วยเกลี้ยกล่อมนิ่มแต่นิ่มก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่รู้ไม่เห็น จากการสังเกตอากัปกิริยาของนิ่มที่ไม่สบตาและนั่งก้มหน้าตนเชื่อว่านิ่มกำลังโกหกอะไรบางอย่างแต่ไม่ทราบว่าโกหกเรื่องอะไร ซึ่งหากถามว่านิ่มรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องลูกหายหรือไม่ส่วนตัวมองว่า 50:50 นิ่มอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ จึงขอฝากถึงนิ่มหลานสาวหากรู้ความจริงอะไรหรือหากรู้ว่าลูกอยู่กับใครก็ขอให้พูดความจริงออกมา ทุกคนพร้อมให้ความช่วยเหลือขอเพียงให้เด็กปลอดภัย
ส่วนเรื่องเงินจำนวน 15,000 บาท ที่ถูกโอนเข้าบัญชีของนิ่ม ตนเชื่อว่าเป็นเงินสงเคราะห์บุตรของประกันสังคม ซึ่งตนเป็นคนแนะนำนิ่มเมื่อตอนตั้งท้องว่า ให้นำเอกสารไปทำเรื่องกับบริษัทสถานที่ทำงานของนายพุดขอรับเงินสงเคราะห์บุตรหลังจากคลอดลูก เนื่องจากนิ่มไม่มีงานทำมีเพียงพุดคนเดียวที่ทำงาน ดังนั้นจึงต้องทำเรื่องกับบริษัทของพุด ซึ่งจะได้รับเงินหลังจากคลอดลูก ส่วนบัญชีที่รับโอนเงินก็จะไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับว่าบริษัทที่พุดทำงานนั้นผูกกับบัญชีธนาคารอะไร แต่ตนก็ไม่ทราบว่านิ่มได้ไปทำเรื่องตามที่ตนแนะนำหรือไม่ เรื่องนี้จึงต้องไปถามพุดสามีของนิ่มน่าจะรู้ดีที่สุด
ขณะที่ น.ส.สุภาภรณ์ เที่ยงแท้ หรือ เล็ก อายุ 27 ปี พี่สะใภ้ของนายพุด ได้โชว์ข้อมูลธนาคารให้ทีมข่าวดู พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อวานตำรวจได้เชิญไปสอบปากคำที่โรงพัก เพื่อสอบถามเรื่องมีเงินเข้าบัญชีของตนจำนวน 10,000 บาท สำหรับจำนวนเงินดังกล่าว เพื่อนของตนคือ "นายปุ๊" โอนเข้ามาในบัญชีตนเพื่อให้ตนกดเงินสดให้ โดยโอนให้ตอนที่อยู่ตลาดเมื่อเวลา 18.05 น. ของวันที่ 9 ก.พ. 66 หลังจากได้รับโอนตนเองก็กดเงินออกมาให้นายปุ๊ทันทีในเวลา 18.10 น. ของวันเดียวกัน
ซึ่งจากสเตทเม้นจะเห็นว่า ตนกดออกทันทีหลังจากได้รับโอนเพียง 5 นาที ยืนยันว่าเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้มีนัยยะหรือส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องน้องต่อหาย โดยเมื่อวานตนเองและนายปุ๊ได้ไปให้ปากคำกับตำรวจแล้ว ดังนั้นในประเด็นนี้ถือว่าเคลียร์แล้ว ตำรวจก็ให้กลับบ้าน
ส่วนกรณีเงินจำนวน 15,000 บาท ที่เข้าบัญชีของนิ่มตนเองก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ช่วงนั้นหลังจากได้เงินนิ่มได้นำเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือราคา 8,900 บาท ซึ่งนิ่มเป็นคนบอกตน ส่วนเงินที่เหลือตนก็ไม่ทราบว่านำไปใช้อะไรบ้าง ซึ่งตนไม่ทราบว่านิ่มจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่แต่ดูแล้วไม่มีความกระตือรือร้นที่จะตามหาลูกเลย หลังจากเกิดเรื่องก็ไม่เคยพูดคุยกันอีกเลย
น.ส.รัศมี แสงสว่าง หรือ หมี อายุ 30 ปี พี่สาวของนายพุดซึ่งเป็นป้าของน้องต่อ กล่าวถึงกรณีแชตเฟซบุ๊กของ น.ส.นิ่ม ที่ส่งข้อความมาหาตนเมื่อวานที่ระบุว่าโดนจับนั้น ตอนแรกตนเข้าใจว่านายพุดน้องชายเป็นคนส่งจึงรีบเดินทางไปที่โรงพัก แต่เมื่อไปถึงก็ไม่ได้เจอกันเพราะน้องชายถูกสอบปากคำอยู่ไม่ได้ถูกจับกุมแต่อย่างใด และโทรศัพท์ของนิ่มและโทรศัพท์ของน้องชายอยู่กับตำรวจ ดังนั้นแชตข้อความดังกล่าวเชื่อว่าคนที่พิมพ์คือตำรวจ เป็นการใช้จิตวิทยาเพื่อจะดูปฏิกิริยาของตนว่าหากได้รับข้อความแบบนี้จะตอบกลับว่าอย่างไร
โดยเมื่อคืนนิ่มกับพุดเดินทางกลับมาถึงบ้านตอน 4 ทุ่ม ซึ่งตนนอนหลับไปแล้ว และเมื่อช่วงเช้าก็เห็นกันแปปหนึ่งก่อนที่ตำรวจจะนำตัวทั้งคู่ไปสอบปากคำจึงยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งตนยังไม่ทราบว่านิ่มพูดความจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากตำรวจนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี อาจได้ข้อมูลอะไรบางอย่างมากขึ้น ทั้งนี้ขอฝากถึงคนที่มีส่วนรู้เห็นให้เอาเด็กมาคืน เพราะผ่านมา 10 วันแล้ว ไม่ทราบว่าหลานจะอยู่อย่างไร
สำหรับคนในบ้านที่มีบัญชีธนาคารประกอบด้วย 1.นายสุบิน ปู่ของน้องต่อ ซึ่งมีเงินเข้าเฉพาะเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 500-700 บาท, 2. น.ส.สุภาภรณ์ แฟนของตน โดยตนทั้งสองจะใช้บัญชีธนาคารเดียวกัน ซึ่งได้ชี้แจงรายละเอียดเงินเข้า-ออก กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว, 3. นายพุด น้องชายตน และ 4. น.ส.นิ่ม ภรรยาของน้องชาย ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดเงินในบัญชีของทั้งคู่เลย
น.ส.รัศมี กล่าวต่อว่า สำหรับบ้านจุดเกิดเหตุมีทั้งหมด 4 ห้อง ประกอบด้วยห้องที่ 1 เป็นห้องนอนที่เกิดเหตุมีคนนอน 4 คน คือ น้องต่อ, นายพุด, น.ส.นิ่ม, และน้องมิ้น หลานนายพุด ห้องที่ 2 เป็นห้องนอนของตน มีคนนอน 2 คน คือตนและ น.ส.สุภาภรณ์ แฟนของตนพี่สะใภ้นายพุด ห้องที่ 3 เป็นร้านค้ามีคนนอน 1 คน คือ ลุงสุบิน ปู่ของน้องต่อ และห้องที่ 4 เป็นห้องครัวส่วนห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน
โดย น.ส.รัศมี ได้พาทีมข่าวเดินดูภายในบ้านหลังเกิดเหตุ พร้อมอธิบายจุดต่าง ๆ ในบ้านว่า ส่วนใหญ่น้องต่อจะอยู่บริเวณห้องนอนด้านหน้าซึ่งอยู่ติดกับส่วนร้านค้า บางครั้งก็คลานไปเล่นบริเวณหน้าห้องป้าหมี ทางป้าหมีก็จะอุ้มเข้าไปเล่นในห้อง นอกจากนี้หากปู่อุ้มเล่นก็จะอยู่บนเตียงตรงร้านค้า
ส่วนช่วงเย็นของทุกวันนายพุดจะอุ้มลูกชายออกไปเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน แต่เดินไม่ไกลเดินไปเดินมาครู่เดียวก็เข้าบ้าน ส่วนเวลาอาบน้ำ น.ส.นิ่ม จะพาลูกไปอาบตรงโอ่งข้างบ้านบริเวณหน้าห้องน้ำ โดยจะเอาลูกยืนบนกาละมังแล้วอาบ นอกจากนี้พื้นที่บริเวณโอ่ง น.ส.นิ่ม ยังใช้ล้างจานและล้างขวดนมให้ลูกด้วย
ต่อมาเวลา 15.00 น. ทางด้าน "พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์" ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับคณะทำงานในพื้นที่ โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่ทาง "พล.ต.ท.ธนายุตม์" จะออกมาให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าว โดยเผยว่า ความคืบหน้าเบื้องต้นในส่วนของคดีนั้น วันนี้ทางตนเองได้มีการเรียกชุดทำงานมาสอบถามและขยายผลจากพยานบุคคลและพยานวัตถุตลอดจนหลักฐานอื่น ๆ เชื่อมั่นว่าทางน้องต่อน่าจะยังมีชีวิตอยู่
ซึ่งตอนนี้เองก็ยังคงต้องมีการสอบสวนในส่วนพยานบุคคลหรือบุคคลที่ตั้งข้อสงสัยไว้ โดยมีมากกว่า 4 คน เป็นทั้งคนในครอบครัวและคนนอกพื้นที่ เหตุเพราะยังมีบางคนที่ยอมไม่พูดความจริง ทางชุดสืบสวนเองเลยต้องใช้เวลาในการเค้นหาความจริงจากปากของบุคคลเพื่อให้ได้ความชัดเจน
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสงสัยในส่วนของชีวิตประจำวันของแม่เด็กกับบุคคลหนึ่งที่มีการไปเจอหน้ากันเกือบทุกวัน ในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบหรือไม่ว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งข้อสงสัยและตรวจสอบในสาวนของบุคคลดังกล่าว ซึ่งทางชุดสืบเองก็กำลังดำเนินการในข้อมูลเชิงลึก ตลอดจนยังมีการย้อนไทม์ไลน์ย้อนหลังของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งตนเองจะพร้อมติดตามและอัปเดทข้อมูลความคืบหน้าเป็นรายวัน หวังให้ปิดคดีได้เร็วที่สุด มองคดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน แต่อย่างที่บอกแค่ว่ามีบางคนที่ไม่ยอมพูดความจริง เราเองตามขั้นก็ต้องใช้ในส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ของ พฐ. ที่มีการเก็บไปก่อนหน้านี้มาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบเพื่อค้นหาความจริง
"พล.ต.ท.ธนายุตม์" กล่าวต่อว่า กรณีที่นำบุคคลที่เกี่ยวข้องภายในครอบครัวเข้าเครื่องจับเท็จนั้น แน่นอนเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ต้องดำเนิน แต่ก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ตอนนี้ตำรวจเองก็ยังต้องรอในส่วนของขั้นตอนการสืบสวนก่อน แน่นอนหหากยังไม่ชัดเจนก็ต้องมีการดำเนินการต่อไปในส่วนของเครื่องจับเท็จ
ส่วนประเด็นที่มีข้อมูลว่า ทางพ่อของเด็กมีการทะเลาะกันกับทางแม่ของเด็ก แล้วมีคำพูดบางประเด็นหลุดออกมาว่าจะไม่ช่วยอีกแล้ว ในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็มีสอบสวนและสอบปากคำในประเด็นนี้แล้วและทราบข้อมูลแล้ว ตลอดจนยังมีการตรวจสอบในประเด็นหลักฐานบางอย่างที่ท่อน้ำทิ้งบริเวณหลังบ้านเชื่อมโยงกับบุคคลหรือตัวละครบางคนในพื้นที่เช่นกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองไม่ทิ้งแม้แต่ประเด็นเดียว รวมไปถึงคราบเลือดที่บริเวณหมอนเช่นกัน
"พล.ต.ท.ธนายุตม์" กล่าวย้ำว่า ทั้งนี้มีการตรวจสอบในส่วนของเส้นทางการเงิน และเรื่องประเด็นของค้ามนุษย์แล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นข้อมูลลับหวั่นว่าหากพูดไปจะมีการไหวตัวของบุคคลต้องสงสัย
ขณะที่ทีมข่าวได้มีการส่งคลิปบทสัมภาษณ์ของ นายพุด และ น.ส.นิ่ม พ่อและแม่น้องต่อ เพื่อให้ทาง นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ได้วิเคราะห์ในมุมภาษากายของทั้ง 2 คนที่ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้
หมอกอล์ฟ เผยว่า ในส่วนพ่อของน้องต่อนั้นพบว่าช่วงขณะที่เขาเองให้สัมภาษณ์นั้นจะพบว่า เขาไม่กล้าสบตามองกล้องหรือสบตากับทางผู้สัมภาษณ์ค่อนข้างจะมองต่ำ ซึ่งในลักษณะแบบนี้อาจจะมองได้ 2 แบบคือเขาอาจจะเป็นคนที่เขินกล้องหรืออาย ไม่มีความมั่นใจในตนเอง แต่ในช่วงหนึ่งที่มีการสอบถามถึงเรื่องประเด็นเลือดของน้องจะเห็นได้ว่าเขาเองจะมองขึ้นมาสบตากับกล้องและมองกับคนที่ถามคล้ายว่า เขาเองมีความจริงจังในประเด็นดังกล่าวคล้ายคนพูดความจริง
ส่วนทางด้านคุณแม่ของน้องต่อเวลาสัมภาษณ์สายตาเองค่อนข้างจะไม่มั่นใจในคำพูด และค่อนข้างคิดเยอะจิตนาการในคำพูด มีบางช่วงบางตอนที่มีการเหลือบลงต่ำ ดูไม่มั่นใจในคำพูด แต่ก็มีบางช่วงบางตอนที่เขาพูดด้วยความมั่นใจในปมที่โดนกดดัน และประเด็นที่เขาเล่าดูธรรมชาติและเหมือนเล่าความจริง คือช่วงจังหวะที่เขาพูดตอนที่เห็นคนอุ้มน้องไปและนึกว่าอุ้มน้องไปเล่นมีการทำท่าทางผายมือซึ่งดูแล้วเหมือนพูดเรื่องจริง
Advertisement