แม่น้องชมพู่ พอใจได้รู้ใครฆ่าลูก แม้ศาลจะตัดสินไม่ตรงกับที่อัยการฟ้อง ย้ำเดินหน้าสู้ต่อ ขอชาวเน็ตเบามือการคอมเมนต์ ชี้หากใจไม่แข็งพออาจตายทั้งเป็นหรือถึงขั้นตายจริงๆ
วันนี้ (20 ธ.ค.) นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ถึงการเข้าฟังคำพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่วันนี้ว่า ตั้งแต่ที่ก้าวเข้าไปในห้องพิจารณาคดี ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นมาก และลุ้นว่าศาลจะมีคำพิพากษาออกมาอย่างไร โดยเมื่อเข้าไปในห้องพิจารณาคดีแล้ว ตัวเองได้นั่งอยู่ทางฝั่งซ้าย ส่วนจำเลยนั่งอยู่ฝั่งขวา ซึ่งมีจังหวะที่หันไปเผชิญหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะก่อนหน้านี้ในการสืบพยานก็เป็นไปในลักษณะนี้หลายครั้ง นาทีที่เจอหน้ากันจึงถือเป็นเรื่องปกติ
จากนั้นระหว่างอ่านคำพิพากษา จำเลยทั้ง 2 คน คือ ลุงพลกับป้าแต๋น ได้ยืนฟังคำพิพากษาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งตัวเองได้มีจังหวะที่หันไปมองอีกฝ่ายบ้าง แต่จะเห็นแค่ด้านข้างของลุงพล ซึ่งก็ดูมีท่าทีที่เรียบเฉยตลอดการอ่านคำพิพากษา กระทั่งศาลพิพากษาลงโทษใน 2 ข้อหา แล้วเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาใส่กุญแจมือควบคุมตัวลุงพล ออกไปนอกห้องพิจารณา ตอนนั้นลุงพลได้ขออนุญาตถอดเสื้อสูทออก เพราะมีเข็มกลัดสัญลักษณ์ต่างๆ ติดอยู่ ก่อนยื่นมือให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว จากนั้นป้าแต๋นรวมทั้งคนใกล้ชิดที่เข้าร่วมรับฟังการพิจารณา ก็ได้พากันเดินออกจากห้องพิจารณาคดีไป เหลือเพียงทนายความที่ดำเนินการด้านเอกสารต่อ โดยรวมท่าทีของลุงพลกับป้าแต๋น วันนี้ดูนิ่งเฉย เหมือนกับว่าเตรียมใจมาแล้ว
แม่ชมพู่ เปิดใจ เริ่มสงสัยลุงพล จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
แม่น้องชมพู่ เปิดใจถึงการเข้าฟังคำพิพากษาในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วันนี้ บอกว่า ตลอดเวลาที่ศาลอ่านคำพิพากษา ตัวเองได้ตั้งใจฟังตลอด และมีประโยคนึงที่รู้สึกว่าชัดเจน คือ ช่วงที่ศาลระบุว่า “น่าเชื่อได้ว่ามีคนทำให้น้องชมพู่เสียชีวิต” ประโยคนี้ทำให้รู้สึกได้ว่าคดีมีความชัดเจน ไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป ว่า มันจะจริงไหมนะ และไม่ต้องกังวลกับกระแสสังคม ที่บอกว่าตัวเองไปใส่ร้ายลุงพลกับป้าแต๋น อีกทั้งตัวของทั้ง 2 คนเอง ก็พยายามไลฟ์สดโน้มน้าวแฟนคลับของทางฝั่งเขาในลักษณะว่า แม่น้องชมพู่เป็นคนใส่ความให้พวกเขาได้รับโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ซึ่งตัวเองก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า ไม่เคยใส่ร้ายลุงพลกับป้าแต๋น แต่ที่ทั้ง 2 คน ถูกดำเนินคดีมาจนกพยานหลักฐานที่ตำรวจไปสืบสวนหามาได้
แม่น้องชมพู่ ยอมรับว่า ตัวเองออกมาสงสัยลุงพล แต่ก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น แต่ที่เหลือเป็นหน้าที่ของตำรวจในการพิสูจน์ว่าข้อสงสัยทั้งหมดเป็นจริงหรือไม่
ส่วนประเด็นที่แม่น้องชมพู่ สงสัยลุงพลนั้น แม่บอกว่า เริ่มตั้งแต่ช่วงที่มีการจัดงานศพน้องชมพู่ ลุงพลได้มีการไปออกโทรทัศน์รายการหนึ่ง แล้วพูดว่า ครอบครัวของน้องชมพู่สงสัย “นายแอ๋ม” ซึ่งเป็นคนที่อยู่บ้านหลังติดกัน หลังจากนั้นเมื่อลุงพลกลับมาที่บ้านกกกอก จึงได้มีการตำหนิติเตียนไปว่า เหตุใดจึงไปพูดแบบนั้น เพราะจะทำให้ชาวบ้านเกิดความเข้าใจผิด ซึ่งก็ทำให้ลุงพลโกรธและแสดงความไม่พอใจตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ตอนนั้นก็รู้สึกสงสัยว่าการถูกตำหนิเพียงเล็กน้อย เหตุใดจึงทำให้อีกฝ่ายโกรธมาก จนมีท่าทีที่เปลี่ยนไปกับครอบครัว
แม่น้องชมพู่ บอกด้วยว่า หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำของตำรวจ ก็ยังพบว่า อีกฝ่ายให้การไม่ตรงกับความเป็นจริง ทั้งยังมีการให้ข่าวที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงด้วย โดยเฉพาะไทม์ไลน์ในวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ที่ลุงพลให้สัมภาษณ์ผ่านสื่ออ้างว่าตอนที่พี่สาวน้องชมพู่ไปตามหาน้อง ลุงพลกำลังอาบน้ำอยู่ ในขณะที่พี่สาวระบุว่า ตอนนั้นไปไม่เจอลุงพล และไม่เห็นรถกระบะจอดอยู่
แม่น้องชมพู่ บอกว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ตัวเองสงสัยมาโดยตลอด แล้วลุงพลเองก็ดูมีพลังมีกลุ่มคนสนับสนุนมากขึ้น จึงตัดสินใจวัดพลังแล้วประกาศออกมาว่า “สงสัยลุงพล” ลักษณะเหมือนโยนหินถามทาง กระทั่งมีการพิสูจน์ความจริง และได้รู้ความจริงในวันนี้
แม่น้องชมพู่ยังบอกอีกว่า วันนี้รู้สึกพอใจที่ได้รู้ว่าใครเป็นคนทำลูกสาว ถึงแม้ศาลจะตัดสินออกมาไม่ตรงกับฟ้องของอัยการ ซึ่งอัยการฟ้องข้อหาเจตนาฆ่า แต่ศาลตัดสินออกมาข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนที่ป้าแต๋นบอกว่าจะขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ต่อไปนั้น ตนมองว่าเขาก็มีสิทธิที่จะสู้ต่อ การพูดของเขาเหมือนให้กำลังใจตัวเอง ซึ่งจากนี้ไปทั้งสองฝั่งมีสิทธิสู้ต่อตามขั้นตอน ซึ่งตอนนี้กำลังปรึกษากับทนายและอัยการว่าจะทำอย่างไรต่อไป
อยากฝากถึงชาวเน็ตที่เข้ามาคอมเมนต์ ขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ ลูกของตนตายอย่างน่าอนาถใจ คอมเมนต์บางอันส่งผลกระทบต่อจิตใจ ถ้าใจไม่แข็งพอก็อาจจะฆ่าพวกตนได้ ทั้งฆ่าทั้งเป็นหรือฆ่าจริงๆ หากจะต่อว่าใครที่ยังไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของเขาก็ให้เบามือลงหน่อย วันนี้น้องชมพู่ไปสบายได้แล้ว ไปเที่ยวเล่น ไปเป็นนางฟ้าได้แล้ว ตรงนี้ไม่ได้มืดมนอีกแล้ว ซึ่งตนเชื่อว่าน้องรับรู้ได้
Advertisement