เมื่อช่วงค่ำวันที่ 27 พ.ย. 67 ร.ต.อ.สหชาติ สังข์สม รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เก๋งรถชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บนถนนทางหลวงชนบทสาย จ แยกโค๊ก-ทุ่งเบี้ย ม.1 ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ รพ.ชุมพรฯและหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพนักเรียนชาย ม.4 โรงเรียนแห่งในตัวเมืองชุมพร ทราบชื่อภายหลังคือ นายกฤตเมธ (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี สภาพนอนแขนขากระดูกหัก นอนหงายเสียชีวิตข้างแบริเออร์คอนกรีต บริเวณเชิงสะพานข้าทางรถไฟของถนนทางหลวงชนบท สาย จ ขาอออก ก่อนถึงทางแยกเชื่อมเส้นทางสายหลักถนนเอเชีย 41 เพียง 700 เมตร ส่วนอีกสองศพถูกชนกระเด็นตกจากสะพานข้ามรางรถไฟ ทราบชื่อคือ ด.ญ.บุณยานุช (สงวนนามสกุล) อายุ 14 ปี อยู่ ม.2 โรงเรียนแห่งเดียวกันกับพี่ชาย และนางเย็นจิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณเกาะกลาง ของถนนคู่ขนาน โดยทั้งสองอยู่ในสภาพกระดูกหักศีรษะแตกเลือดนองถนน เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ผ้าคลุมศพ
ในจุดเกิดเหตุห่างจากศพแรกเพียง 20 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กณ 9257 ชุมพร ถูกชนท้ายอย่างแรงจนรถอยู่ในสภาพหักงอ ส่วนรถคู่กรณี คือรถยนต์เก๋งสีดำ ยี่ห้อ BMW หมายเลขทะเบียน กจ 44 นครศรีธรรมราช จอดสนิทอยู่บนถนนคู่ขนาน โดยหันหน้าสวนทางกับรถขาออก ห่างจากรถจักรยานยนต์เกือบ 100 เมตร อยู่ในสภาพตั้งแต่กันชนไปถึงล้อด้านหน้าขวา พังยับเยิน นอกจากนี้ล้อหลังด้านขวา ยังพับหักจากอุปกรณ์ส่วนยึดล้ออีกด้วย ส่วนคนขับรถคันดังกล่าวไม่พบในที่เกิดเหตุแล้ว
เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นภายในรถพบสมุดใบคู่มือจดทะเบียนประจำรถอยู่หลายเล่ม และยังพบกระเป๋าเงินตกอยู่ภายในรถ จึงได้นำมาตรวจสอบพบว่าบัตรประจำประชาชนและบัตรขับขี่ระบุชื่อ น.ส.ภารดา (สงวนนามสกุล) จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังเต้นแอโรบิคกันอยู่ที่ลานหน้าบ้านริมถนนคู่ขนานใกล้เชิงสะพานได้เสียงดังโครมสนั่นกลบเสียงดนตรี ทุกคนหันไปเห็นคล้ายคนกระเด็นปลิวตกจากสะพานลงมากระแทกพื้น จึงวิ่งออกไปดูก็พบว่าสิ่งที่กระเด็นมานั้นก็คือคน จำนวน 2 คน และอีก 1 คน นอนบนถนนเชิงสะพาน จึงได้แจ้งให้ทางตำรวจได้มาตรวจสอบดังกล่าว
ในขณะชาวบ้านอีกราย ให้ข้อมูลว่า บ้านตนเองอยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่นั่งเล่นกันอยู่หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงดังโครม จึงหันไปมองตามต้นเสียง ก็พบรถเก๋งหมุนเคว้งจากบนถนนสายหลักชนเข้ากับเกาะกันทางข้ามไปจอดนิ่งบนถนนคู่ขนาน ตนเองจึงวิ่งข้ามถนนมา เพื่อช่วยเหลือ เพราะตอนแรกคิดว่ารถเสียหลักเอง โดยไม่คิดว่าเฉียวชนรถคนอื่นมา
ชาวบ้านรายนี้ เล่าต่อว่า เมื่อมาถึงก็พบหญิงสาว อายุไม่มากเท่าไหร่ เปิดประตูลงมาจากรถ ตนก็ถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าให้ช่วยเหลืออะไรหรือไม่ โดยหญิงคนขับร้องขอให้ช่วยหาแมวให้หน่อย มันตกใจวิ่งออกจากรถ ตนเองก็ช่วยหาจนเจอพบอยู่ใต้ท้องรถ และหญิงสาวนั้นก็หยิบมือถือมาโทรหาใครไม่ทราบ พร้อมบอกว่าเดี๋ยวให้แฟนมารับ ประกอบตอนนั้นตนเริ่มเห็นบริเวณสะพานมาคนส่งเสียงดังลั่น จึงเดินไปดู และหันไปที่หญิงสาวอีกที ก็พบว่าเดินอุ้มแมวหายไปความมืดแล้ว
เบื้องต้นตำรวจพบว่า รถจักรยานยนต์ 3 คนแม่ลูกกำลังขี่กลับบ้าน หลังจากเรียนพิเศษ เพื่อจะกลับบ้านที่ ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 6 กม. โดยใช้ถนนสายทางหลวงชนบท สาย จ. แยกโค๊ก-ทุ่งเบี้ย จนมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสะพานข้ามรางรถไฟ และก่อนจะลงสะพานพบว่าเป็นทางโค้งขวา สันนิษฐานว่า รถเก๋งน่าจะมาด้วยความเร็ว แล้วคุมรถไม่อยู่ หรืออาจไม่ทันสังเกตเห็น รถจักรยานยนต์ หรืออาจจะหยอกเล่นอยู่กับแมว จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้นำเมมโมรีการ์ดจากกล้องที่ติดหน้ารถเก๋งไปตรวจสอบอีกครั้ง และจะออกหมายเรียก น.ส.ภารดาว่าเป็นบุคคลเดียวที่ขับรถเก๋งวันเกิดเหตุหรือเปล่า ถ้าใช่ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Advertisement