Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
“จ่าเอ็ม” เครียด! ขอสูบบุหรี่ทั้งคืน ยังไม่ขอเจอหน้าครอบครัว

“จ่าเอ็ม” เครียด! ขอสูบบุหรี่ทั้งคืน ยังไม่ขอเจอหน้าครอบครัว

12 ม.ค. 68
10:36 น.
|
187
แชร์

ตร. เผย "จ่าเอ็ม" เครียดขอสูบบุหรี่ทั้งคืน แต่กิน-นอนได้ ยังไม่เปิดปากข้อมูลผู้มีพระคุณ ไม่พร้อมเจอหน้าแม่และญาติ

วันนี้ (12ม.ค.6) ที่สน.ชนะสงคราม พบว่าบรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปตามปกติ ยังไม่พบการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นบริเวณชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งเป็นห้องควบคุมผู้ต้องหา

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลสั้น ๆ เพียงแค่ว่า นายเอกลักษณ์ แพน้อย อายุ 41 ปี หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม นายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา มีท่าทีที่เคร่งเครียด ขอบุหรี่สูบตลอดทั้งคืน แต่ยังสามารถกินได้และนอนหลับ

ด้าน พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยข้อมูลว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำจ่าเอ็มตลอดทั้งคืน ซึ่งจ่าเอ็มมีท่าทีที่เคร่งเครียด แต่ยังคงให้การที่เป็นประโยชน์ในส่วนพฤติการณ์ของตนเอง จนสามารถทำคำรับสารภาพประกอบวิดิโอที่เล่าพฤติการณ์ในคดีอย่างละเอียดได้ครบถ้วน โดยจ่าเอ็มยืนยันว่าเป็นบุคคลตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ทั้งหมด

แต่เมื่อสอบปากคำเชิงลึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลอื่น เช่น ผู้มีพระคุณหรือบุคคลผู้ชี้เป้า จ่าเอ็ม ยังไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากไม่ยอมตอบคำถามและต้องการสูบบุหรี่ แม้ว่าทางตำรวจพยายามที่จะใช้หลักจิตวิทยาในการพูดคุย แต่จ่าเอ็ม ก็ยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งยังมีอาการสับสนมึนงงว่าทำอะไรลงไปและมีท่าทีวิตกกังวลกลัวว่า บุคคลอื่นที่จ่าเอ็ม ให้การถึงนั้นจะเดือดร้อน ทำให้พนักงานสอบสวนต้องประเมินอาการร่วมกับทนายความและแพทย์ ลงความเห็นว่า จ่าเอ็ม ยังมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย และเคร่งเครียด เนื่องจากภาวะพักผ่อนน้อย จึงมีสภาวะที่ยังไม่พร้อมให้ปากคำ ทางพนักงานสอบสวนจึงหยุดการสอบปากคำในเวลา 4 ทุ่ม ก่อนคุมตัวเข้าห้องควบคุมตัว

สำหรับการควบคุมตัวจ่าเอ็ม ตลอดทั้งคืนนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายปราบปรามและสืบสวนเฝ้าบริเวณหน้าห้องควบคุมตัวตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งได้จัดหาผ้าห่มให้เพราะเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีอากาศหนาว โดยจ่าเอ็มสามารถนอนหลับได้ตามปกติ ไม่มีท่าทีจะทำร้ายตัวเองแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ได้จัดโจ๊ก เอาไว้เป็นมื้อเช้า ซึ่งก็สามารถรับประทานได้ตามปกติ

ทั้งนี้ จากการประเมินท่าทีด้านจิตวิทยาของจ่าเอ็มนั้น เท่าที่มีการสอบถามพูดคุย จ่าเอ็ม รู้สึกผ่อนคลายได้ระดับหนึ่งในเรื่องของความปลอดภัย โดยเฉพาะการนอนเมื่อคืนที่จ่าเอ็ม บอกกับตำรวจว่าสามารถนอนหลับได้อย่างเต็มที่โดยไร้ความวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะเนื่องจากที่ผ่านมาจ่าเอ็มต้องนอนแปลกที่มาโดยตลอด

แต่อย่างไรก็ตาม จ่าเอ็ม ยังมีอาการวิตกกังวลและไม่พร้อมที่จะเจอแม่และญาติ จึงเป็นเหตุทำให้จ่าเอ็ม แจ้งความประสงค์ที่จะไม่ขอพบญาติแต่อย่างใด เพราะขนาดจ่าเอ็ม เห็นข่าวในโทรทัศน์ที่แม่ของจ่าเอ็มตามไปพบลูกถึง จ.สระแก้ว บริเวณชายแดน จ่าเอ็ม ก็มีอาการเครียดเป็นอย่างมาก

ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ที่แม่และครอบครัวของจ่าเอ็มไม่สามารถเข้าพบจ่าเอ็มได้ ยืนยันว่าเป็นเพราะความต้องการของตัวจ่ายเอ็มเอง ไม่ใช่เกิดจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกีดกันตามที่เป็นข่าว ทางตำรวจจึงต้องให้จ่าเอ็มต่อสายพูดคุยโดยตรงกับแม่ โดยจ่าเอ็มอธิบายให้แม่ฟังเพียงแค่ว่า ตนเองยังไม่พร้อมที่จะเจอ และบอกว่า ไม่ต้องการอะไรกับสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป พร้อมจะรับโทษในเรือนจำ ก่อนที่จ่าเอ็มจะตัดสาย เมื่อแม่ได้รับฟังเสียงของจ่าเอ็มก็เชื่อและยอมเดินทางกลับไปแต่โดยดี ส่วนจ่าเอ็มนั้นหลังวางสายจากแม่เสร็จ ก็ยังมีอาการเครียดและขอบุหรี่สูบทันที

สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนในวันนี้นั้น ทางตำรวจจะประเมินอาการและดูท่าทีให้จ่าเอ็ม ผ่อนคลายในช่วงเช้าก่อน แล้วในช่วงบ่ายจะประเมินดูอีกครั้งว่าจ่าเอ็มพร้อมจะให้การกับพนักงานสอบสวนอีกครั้งหรือไม่ เพราะยอมรับว่าตอนนี้จ่าเอ็ม ยังให้การที่ไม่เป็นประโยชน์ในเรื่องของบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คำรับสารภาพของจ่าเอ็ม ถือเป็นพยานหลักฐานชั้นดีที่สามารถใช้ประกอบสำนวนคดีได้ แม้จ่าเอ็ม จะไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ตาม

ยืนยันว่า ทางตำรวจได้ทำคดีนี้ตามกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามรูปคดีอย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนจะทำการบ้านและเตรียมข้อมูลเพื่อสืบสวนหาบุคคลที่เป็นผู้มีพระคุณและอยู่เบื้องหลังของจ่าเอ็ม โดยเฉพาะข้อมูลจากโทรศัพท์ของจ่าเอ็ม เมื่อสามารถสืบสวนพิสูจน์ทราบได้แล้วว่าเป็นใคร ก็จะเรียกบุคคลนั้นมาสอบปากคำต่อไป

ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (13 ม.ค.68) ทางตำรวจ สน.ชนะสงคราม จะนำตัวจ่าเอ็ม ส่งฝากขังต่อศาลอาญาในช่วงเช้าก่อนเที่ยง โดยทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม จ่าเอ็ม ได้แจ้งความประสงค์กับทนายความว่าจะไม่ยื่นประกันตัวและพร้อมเข้าสู่เรือนจำ เนื่องจากก่อนหน้านี้จากเอ็มก็เคยติดคุกมาแล้วหลายครั้ง

ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการรับศพนายลิม กิมยา อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา จากทางตำรวจ สน.ชนะสงคราม ทราบว่าทางตำรวจได้ออกใบบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายลิม ให้กับภรรยานายลิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่จากการตรวจสอบกับห้องนิรมัยหรือห้องรับศพ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่เก็บศพของนายลิม ได้ข้อมูลว่า หลังจากที่ภรรยาของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาติดต่อขอดูศพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทราบว่าตอนนี้ทางภรรยาได้เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเพื่อให้ทางสถานเอกอัครราชทูตทำหนังสือรับรองตัวบุคคลผู้เสียชีวิตแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างที่สถานเอกอัครราชทูตจะออกหนังสือดังกล่าว

โดยตามขั้นตอนแล้ว เมื่อภรรยาได้หนังสือรับรองตัวบุคคลผู้เสียชีวิตจากสถานเอกอัครราชทูต ก็จะต้องนำมายื่นที่ห้องนิรมัย โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ร่วมกับใบบันทึกประจำวันของ สน.ชนะสงคราม แล้ว ทางห้องนิรมัยก็จะมอบหนังสือรับรองการตาย เพื่อให้ภรรยานำหนังสือดังกล่าวไปติดต่อขอใบมรณบัตรที่สำนักงานเขตพระนคร เพื่อให้นำใบมรณบัตรมาติดต่อขอรับศพต่อไป คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการรับศพในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ภรรยาของนายลิ มจะนำศพไปทำพิธีทางศาสนาที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจะนำกลับไปเป็นร่าง

 

Advertisement

แชร์
“จ่าเอ็ม” เครียด! ขอสูบบุหรี่ทั้งคืน ยังไม่ขอเจอหน้าครอบครัว