กทม. เผย กู้ซากตึกสตง.ถล่ม พบผู้เสียชีวิตแล้ว60 ยังค้นหา 34 ราย
กทม. เผยความคืบหน้าการกู้ซากอาตาร สตง. ถล่ม ค้นหาผู้ติดค้าง พบผู้เสียชีวิตแล้ว 60 ราย อยู่ระหว่างค้นหา 34 ราย ยันยังปฏิบัติภารกิจค้นหาแม้อากาศร้อนจัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (25 เม.ย.) นายสุริยชัย ระวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ติดค้าง และการรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร ที่พังถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ว่า วานนี้พบผู้ติดค้างเพิ่มเติม 3 ราย และชิ้นส่วนอีกประมาณ 3 เคส และพบนาฬิกาข้อมืออีก 1 ชิ้น ในบริเวณที่คาดว่าเป็นบันไดหนีไฟ ส่งผลให้ปัจจุบัน พบผู้เสียชีวิตแล้ว 60 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 34 ราย
จากผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 103 ราย และในส่วนของความคืบหน้าการดำเนินงานสามารถรถระดับความสูงโดยเฉลี่ยทั้ง 4 โซนลง 1.47 ม. จากวานนี้ ให้เหลืออยู่ที่ประมาณ 4.5 เมตรได้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้และเชื่อว่าจะสามารถเปิดพื้นที่ถึงบริเวณชั้น 1 ได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้
ส่วนแผนการดำเนินงานจะยังคงใช้แผนเดิมอยู่ แต่จะมีการเพิ่มรถบรรทุกจากภาคเอกชน (อิตาเลียนไทย) และพลขับจากหน่วยงานทหาร มาสนับสนุนภารกิจในการขนย้ายเศษวัสดุ โครงสร้างอาคารจากการรื้อถอนอีก 4 คัน เนื่องจากปัจจุบันบริเวณถนนกำแพงเพชร 2 (หน้าไซต์งาน) มีการเปิดให้รถวิ่งสัญจรได้ 2 ช่องทาง ส่งผลให่จำนวนรอบวิ่งรถลดลง และระยะทางในการวิ่งไปยังพื้นที่พักคอยเศษโครงสร้างไกลขึ้นอีกกว่า 1 กม. จึงต้องเพิ่มจำนวนรถมาทดแทนในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าวันนี้จะยังคงพบผู้ติดค้างเพิ่มเติม และจะยังคงเดินหน้าค้นหา เพื่อนำผู้ติดค้างออกมาให้ครบทุกราย
ขณะที่ แผนการดำเนินงานในบริเวณชั้นใต้ดินนั้น จะมีการพังกำแพงกันดินในโซน A,D ของอาคารลงเพื่อเปิดพื้นที่ให้กว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนย้ายวัสดุจากชั้นใต้ดินขึ้นมาด้านบนสามารถทำง่ายได้ง่าย และประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น ส่วนประเด็นที่มีประกาศเตือนเรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนในวันนี้นั้น นายสุริยชัย ระบุว่า มีการวิทยุเตือน และสอบถาม ติดตามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอยู่เป็นระยะ อีกทั้งยังมีการฉีกน้ำเพื่อระบายความร้อน และป้องกันการแพร่กระจายหรือการฟุ้งของฝุ่นละอองอยู่ตลอด และมีการจัดทีมแพทย์เพื่อคอยดูแลในบริเวณหน้างานอยู่แล้ว เชื่อว่ายังคงสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย
Advertisement
