ดัดหลังโจรแสบฉกปาล์ม 2 ตัน จับมัดรุมตี เมียลูกดกร่ำไห้ยากจนต้องขโมย 4 รอบ (คลิป)

11 พ.ย. 64

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปเหตุการณ์ชาวบ้านร่วมกันจับกุมชายรายหนึ่ง จับมัดมือไว้บริเวณหลังศีรษะ ขณะที่ชายคนดังกล่าวบุกรุกเข้าไปขโมยปาล์มในสวน จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งชายคนดังกล่าวได้พูดขอโทษด้วยเสียงสั่นเครือ แล้วร้องว่า ""อย่าทำผม"

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ ได้แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ของผู้มีอาชีพกสิกรรม โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน มีของกลาง ได้แก่ 1.ผลปาล์มบนรถพ่วง 9 ทะลาย 2.ผลปาล์มกองบนสวน 100 ทะลาย 3.รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 1 คัน

368105

ล่าสุด วันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 นายพิทยา หอมเดช อายุ 29 ปี เจ้าของสวนปาล์ม เป็นคนจับกุมตัวนายเสรี พรหมชัยศรี อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุเกิดในจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่บ้านของเจ้าของสวนปาล์มอยู่จังหวัดกระบี่ นายพิทยา เล่าว่า ผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุขโมยปาล์มในสวนของตนมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดที่จับได้เป็นครั้งที่ 4 โดยผู้ก่อเหตุเริ่มขโมยปาล์มของตนตั้งแต่เดือนสิงหาคม ขณะนั้นตนขับรถกระบะไปจอดเพื่อตัดปาล์ม เสียบกุญแจรถคาไว้ แต่ขณะที่ตนเดินกลับมาที่รถ พบว่ามีคนขโมยกุญแจรถ พร้อมล็อกรถของตน ทำให้ตนเริ่มเอะใจว่าใครมาแกล้งตน เพราะปกติภายในสวนปาล์มของตนจะไม่มีคนนอกเข้ามา

486402

จากนั้นในเดือนกันยายน ตนตรวจพบว่าปาล์มของตนหายไป 500 กิโลกรัม มูลค่า 4,000 บาท อีกทั้งขนำในสวนปาล์ม ยังถูกงัดเข้าไปนอนพักอาศัย ทำให้ข้าวของพักเสียหาย ตนจึงได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังไม่สามารจับตัวคนร้ายได้ เดือนตุลาคม ตนสังเกตเห็นรอยล้อรถจักรยานยนต์ภายในสวนปาล์มของตน โดยตนถูกขโมยปาล์มไปประมาณ 500 กิโลกรัม มูลค่า 4,000 บาท ซึ่งมีชาวบ้านแจ้งเบาะแสมาว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนขโมย ตนจึงได้เดินทางไปเตือนผู้ก่อเหตุแล้วว่าอย่าทำอีก แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับ อีกทั้งยังย้อนว่าให้ตนไปหาหลักฐานแล้วแจ้งความ

กระทั่งวันที่ 9 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 18.30 น. มีชาวบ้านสังเกตเห็นผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างพร้อมปาล์มเต็มรถ คาดว่า 300 กิโลกรัม มูลค่า 2,400 บาท ขับออกมาจากสวนปาล์มของตน ตนพร้อมเพื่อนรวมถึงพ่อกับแม่จึงรีบเดินทางไปยังสวนปาล์มในพื้นที่ตำบลกุแหระ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชทันที ถึงสวนปาล์มในเวลา 19.00 น. พบกองปาล์มกองอยู่เต็มพื้นประมาณ 2,000 กิโลกรัม มูลค่า 16,000 บาท ตนจึงตัดสินใจซุ่มรอผู้ก่อเหตุอยู่ใกล้ ๆ เพราะเชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะต้องเดินทางมาขนปาล์มที่เหลืออยู่ จากนั้นในเวลา 19.30 น. ผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างกลับเข้ามาในสวนปาล์ม ภายในรถมีมีดแทงปาล์มและมีดพร้า ตนกับเพื่อนและพ่อก็ได้กระโจนเข้าล้อมผู้ก่อเหตุในทันที ผู้ก่อเหตุร้อนตัวพูดออกมาว่า "ไม่ได้ขโมย ๆ"

757600

ขณะนั้นผู้ก่อเหตุมีท่าทีตื่นตกใจพยายามจะวิ่งหนี ตนจึงเข้าไปล็อกคอของผู้ก่อเหตุเอาไว้ แต่ผู้ก่อเหตุหันมาทำทีจะต่อสู้ ตนกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะวิ่งไปหยิบมีดพร้า ตนจึงชกผู้ก่อเหตุก่อน ชุลมุนกันสักพัก ได้จังหวะจึงแกะผ้าข้าวม้าที่เอวฉีกออกแล้วนำไปมัดมือและมัดขาของผู้ก่อเหตุ จากนั้นก็เป็นไปตามคลิป พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

347836

ตนเข้าใจโลกโซเชียลหรือใครก็ตามที่คอมเมนต์ต่อว่าว่าตนทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจากอีกฝ่ายร้องขอชีวิต แต่ตนอยากจะชี้แจงว่าตนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายผู้ก่อเหตุ ตนเพียงขู่ เพราะตนถูกขโมยปาล์มมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งเคยเตือนอีกฝ่ายแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง ตนอยากในสังคมเข้าใจว่าเสียทรัพย์เสียรายได้จำนวนมาก หากตนจะฆ่าอีกฝ่ายคงไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงจะยิงทิ้งไปแล้ว ทั้งนี้ ตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพว่าขโมยปาล์ม เพื่อหาเงินไปซื้อยาเสพติด

820056

ด้านนายเคียง พรหมชัยศรี อายุ 75 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจ บอกว่า ตนไม่เคยทราบว่าลูกชายไปลักของใคร โดยตนเพิ่งทราบเมื่อคืนนี้ ลูกชายสารภาพว่าทำมาแล้วหลายครั้ง สาเหตุที่ลูกชายลงมือก่อเหตุคิดว่าน่าจะเกิดจากเศรษฐกิจฝืดเคือง ทำให้ต้องลงมือก่อเหตุ ตนได้ขอร้องเจ้าของสวนปาล์มแล้วว่าขออย่าเอาเรื่องลูกชาย เพราะตนอายุมากแล้ว ไม่มีใครดูแล แต่อีกฝ่ายไม่ยอม ซึ่งตนคงไม่มีเงินที่จะนำไปประกันตัวลูกชาย 10,000 บาท ตนอยากจะขอโทษเจ้าของสวนปาล์ม ขอโทษสังคม แต่ก็อยากให้ทุกคนเห็นใจสักนิด

468432

นางสาวสุกัญญา ศรีสุขใส อายุ 29 ปี ภรรยาของผู้ก่อเหตุ มีลูกสาวด้วยกัน 3 คน ได้แก่ น้องณัชชา 5 ขวบ น้องนาเดีย 2 ขวบ นิต้า 6 เดือน บอกว่า ตนทราบเรื่องในช่วงเช้าของวันที่ 10 พฤศจิกายน สามีของตนถูกจับตัวไปแล้ว ตนได้เห็นคลิปที่ถูกแชร์กันบนโลกออนไลน์ ตนรู้สึกสงสารสามี เนื่องจากถูกมัดและถูกทำร้าย แม้สามีของตนจะผิดที่ไปลักปาล์ม แต่ทำไมเจ้าของสวนจะต้องจับแฟนของตนมัดแบบนั้น อีกฝ่ายไม่ได้ยินที่สามีของตนไหว้แล้วร้องขอชีวิตหรือ อีกฝ่ายไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีสิทธิ์อะไรไปจับคนมัดแบบนั้น

459164

ปกติแล้วสามีของตนเป็นคนตั้งใจทำงาน รับจ้างทั่วไป เนื่องจากข่วงโควิด-19 ทำให้สามีไม่ค่อยมีงานทำ ตนจึงคาดว่าที่สามีทำไป เพราะสามีน่าจะพยายามหาเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงดูลูก 3 คน และซื้อยาเสพติด จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น โดยในช่วงเช้าวันนี้ ตนได้เดินทางไปเยี่ยมสามี ก่อนที่สามีจะถูกพาตัวขึ้นรถผู้ต้องหา ยสามีของตนมีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว ปวดจนยกแขนขาไม่ขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำว่าตนต้องหาเงินประกันให้ได้ภายใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นจะหมดสิทธิ์ประกันตัว แต่ตนไม่มีเงิน ไม่สามารถหยิบเงินใครได้ ตนกับสามีคงต้องทำใจ ตนได้ปลอบใจสามีว่าจะดูแลลูกเอง ไม่ต้องคิดมาก อยากวอนสังคมให้เข้าใจความรู้สึกและมุมมองของตนและสามี ถึงแม้สามีของตนจะผิด แต่เจ้าของสวนทำกับสามีของตนเกินไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส