ฆาตกรยิงงานบวชอ้างรัวกระสุนครึ่งร้อย แค่ห้ามคนตีกัน ลูกทีมชาติช็อกศพพ่อเละ (คลิป)

กรณีพนักงานสอบสวน สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต 1 รายได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ภายในงานบวช ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ทราบชื่อผู้เสียชีวิตนายพิพัฒน์ แก้วพิน หรือ นอม อายุ 54 ปี

ผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 3 ราย ทราบชื่อ นายศิริศักดิ์ แจ้งธรรมมา อายุ 24 ปี นักดนตรี ถูกยิงเข้าที่ไหล่ขวา, นายจรูญ คล้ายเมือง อายุ 37 ปี และนายสมร ศรีสุข อายุ 52 ปี ส่วนผู้ต้องหาคือ นายธนัท จ้อยร่อย หรือ เอ็ม อายุ 35 ปี เป็นพนักงานสายตรวจ รปภ. ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กรับใหญ่ จ.ราชบุรี

ล่าสุด วันที่ 3 ม.ค. 65 เวลา 14.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี โดยมีการนำตัวนายธนัท หรือ เอ็ม ผู้ต้องหา ออกมาสอบปากคำ นายเอ็มพูดสั้น ๆ ว่า "ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น" โดยผู้บัญชาการได้ซักถามผู้ต้องหาประมาณ 10 นาที ภายในห้องสอบสวน ก่อนจะลงมาแถลงข่าวด้านหน้าสถานีตำรวจ

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ระบุว่า จากการซักถามทราบว่าผู้ต้องหามีปัญหาส่วนตัวกับผู้ตาย จึงก่อเหตุยิงจนอีกฝ่ายเสียชีวิต โดยผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. และใช้กระสุนไปจำนวน 4 แม็กกาซีน พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุประมาณกว่า 40 ปลอก ซึ่งพฤติการค่อนข้างอุกอาจ ก่อเหตุภายในงานบวช ที่มีประชาชนไปร่วมงานจำนวนมาก โดยการพกกระสุนมาถึง 4 แม็กกาซีนถือว่าผิดปกติวิสัย กำลังตรวจสอบว่ามีการเตรียมการหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงสวนออกมาด้วยนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะพบอาวุธปืน Glock 17 ของผู้ตายในที่เกิดเหตุ ขนาด 9 มม. เช่นเดียวกัน โดยพบปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุคาดว่าเป็นของผู้ตายจำนวน 7 ปลอก ส่วนเหตุที่ว่าใครยิงก่อนหลัง อยู่ระหว่างการสอบสวน และส่งอาวุธปืนทั้งของผู้ต้องหาและของผู้ตายตรวจเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ กรณีที่ญาติผู้ตายกังวลนั้น ยืนยันให้ความเป็นธรรมเต็มที่ คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนน่าจะสรุปสำนวนได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยระหว่างแถลงข่าวมีญาติและเพื่อนของผู้ตายกว่า 20 คน ยืนสังเกตการณ์หน้าสถานีตำรวจ

นายสุนทร สมัยนิยม อายุ 44 ปี เพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า ตนมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาเบาเกินไป เพราะผู้ต้องหาเตรียมกระสุนมาเป็นจำนวนมาก และอยากให้ตำรวจทำคดีอย่างตรงไปตรงมา เพราะครอบครัวคนตายก็มีแค่ผู้หญิงเหลือแค่ 2 คนแม่ลูก

นอกจากนี้ ตนเชื่อว่าอาจจะมีการวางแผนไว้แล้ว เพราะผู้ตายจบแล้ว แต่มีคนไปตามและถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยช่วงเกิดเหตุ ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันก็กลัวว่าจะมีปัญหา อยากให้คนที่ยังอยู่ใช้ชีวิตต่อไปได้ตามปกติ

พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนธ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่วนข้อหาที่แจ้งคือฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นข้อหาหนักที่ผู้ต้องหาเตรียมการมาแล้ว และโดยเจตนา ก็คือตั้งใจฆ่า
ทั้งนี้อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายจบเรื่องกันไป ไม่อยากให้มีเหตุต่อเนื่อง เพราะอยู่บ้านใกล้กัน ส่วนครอบครัวผู้ตายขอให้ไปพบตนเพื่อจะได้พูดคุยเรื่องการเยียวยาจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัดต่อไป

ทั้งนี้ ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและยิงปืนในที่ชุมชน

น.ส.กัตติกา แก้วพิน หรือ ดาว นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ลูกสาวผู้ตาย เล่าว่า ตนมีอาการบาดเจ็บ เอ็นข้อเท้าขาดจากการแข่งขัน จึงกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 64 คืนเกิดเหตุตนนอนหลับอยู่บ้าน จากนั้นมีญาติมาบอกว่าพ่อถูกยิงเสียชีวิต จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาแล้วจึงถูกกั้นไม่ให้เข้าพื้นที่

ตอนแรกชาวบ้านเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ลักษณะพูดต่อกันมาว่าพ่อถูกยิงที่ท้องกับศีรษะ จึงคิดว่าพ่อถูกยิงแค่ 2 นัด และน่าจะมีปัญหากับผู้ก่อเหตุ จึงปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อถามจากคนเจ็บ ทราบว่าผู้ต้องหายิงรัวหลายสิบนัด มีการเปลี่ยนแม็กกาซีน ตนรับไม่ได้ ประกอบกับเมื่อเห็นศพพ่อ ตอนที่เปิดโลงออกมา ที่ศีรษะของพ่อเป็นแผลฉกรรจ์จากกระสุนปืน ชนิดที่จำหน้าพ่อตัวเองไม่ได้ ตนมองว่าอีกฝ่ายทำเกินไป เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก

ตนยอมรับว่าพ่ออาจจะพกปืนไปในงานบวช แต่ก็เป็นการพกป้องกันตัว ตนก็ไม่มั่นใจว่าพ่อได้ยิงออกไปหรือไม่ แต่การจะมาอ้างว่าพ่อของตนยิงก่อน เป็นไปไม่ได้ เพราะในคลิปก็เห็นว่าพ่อยืนอยู่ในวงเจรจา ขณะที่เสียงปืนดังรัวขึ้นแล้ว ทั้งนี้ ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ และจะเข้าไปยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะหวั่นว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกมา และมาก่อเหตุซ้ำ เพราะหากผู้ต้องหาออกมาได้ครอบครัวของตนก็ไม่ปลอดภัย