จากปรากฎการณ์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 61 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองปราบฯ นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญารัชดาฯ บุกเข้าตรวจค้นและเชิญตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป เข้าสอบสวนและดำเนินคดีเกี่ยวกับเงินทอนวัด สร้างความสั่นสะเทือนกับวงการสงฆ์ และความศรัทธาของศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก
ล่าสุด ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ เกี่ยวกับความศรัทธาต่อพระสงฆ์ของศาสนิกชนในปัจจุบัน โดย
อ.สุลักษณ์ กล่าวถึงความเป็นพระสงฆ์ว่า พระต่างจากฆราวาสที่สุดในเรื่องของเงิน ในสมัยก่อนหากพระจับเงิน จะเรียกว่า “นิสสัคคิยปาจิตตีย์” และเงินนั้น หากนำไปบริจาค ก็จะไม่สามารถแก้อะไรได้ ต้องเอาเงินทิ้งน้ำถึงจะบริสุทธิ์ โดยในสมัยปัจจุบันตัวฆราวาสต่างหากที่เป็นคนทำให้พระผิดศีล เพราะยังชอบถวายเงินพระกันอยู่ เช่นที่วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ที่จับได้ว่ามีเงินในบัญชีหลายร้อยล้าน ถือเป็นการส่งเสริมพระให้ทำชั่วได้ โดยมีเงินเป็นตัวหลัก
ถึงแม้ว่าเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาจะมีการจับพระที่ทุจริตเงินทอนวัด แต่ อ.สุลักษณ์ กลับมองว่า เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น หากต้องการที่จะกวาดล้างผ้าเหลืองจริง จะจับต้องจับพระให้ได้มากกว่านี้ และควรแก้ปัญหาโดยการตั้งมหาเถรสมาคมใหม่
ด้าน
อาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพุทธศาสนา นักวิชาการหัวสมัยใหม่ ได้ตั้งคำถามกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการเลือกปฏิบัติเพียงแค่วัดเด่น วัดดัง เท่านั้นหรือไม่ เพราะวัดที่มีบัญชีโปร่งใส พร้อมสำหรับการตรวจสอบอย่างชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่กลับเข้าบุกค้นอย่างอุกอาจ แต่วัดที่ไม่มีแม้เต่เอกสารให้ตรวจสอบ กลับไม่เข้าตรวจค้น และการเชิญพระสงฆ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนถึงขั้นสึกในเรือนจำ มีเพียงแค่ไม่กี่รูปเท่านั้น ที่ถูกสอบปากคำอย่างเอาเป็นเอาตาย ไร้ซึ่งเกียรติของสงฆ์ และหากเป็นเพียงการเลือกปฏิบัติจริง ก็ทำให้เกิดข้อสงสัยอีกว่า วัดอื่น ๆ ในประเทศไทย จะได้รับการตรวจสอบด้วยมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ และหากประเทศไทยต้องการที่จะกวาดล้างอลัชชีให้พ้นจากศาสนาพุทธ เจ้าหน้าที่ก็ควรที่จะให้ความยุติธรรมกับพระสงฆ์อย่างถูกต้องด้วย
ปฏิบัติการชำระวงการสงฆ์ บุกค้นวัดดัง เอี่ยวคดีเงินทอน สร้างความสั่นสะเทือนต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในประเทศไทย ทำให้ถูกจัดอยู่ในข่าวเด่นประจำปี 2561 ของทางอมริทร์ ทีวี ในอันดับ 3