แพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เผยการดื่มปัสสาวะตนเอง ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี
เว็บไซต์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์บทความถาม-ตอบ ของ ศ. กิตติคุณ นพ.เกรียง ตั้งสง่า
เรื่อง “ดื่มปัสสาวะรักษาโรคได้. จริงหรือ?
โดยคุณหมอ ระบุว่า ไม่จริง เพราะสารต่าง ๆ ที่ร่างกายขับออกมาทางปัสสาวะเกือบทั้งหมด เป็นสารของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญของร่างกาย และร่างกายไม่ต้องการใช้ ถ้าคั่งค้างในร่างกายจะเกิดผลเสียได้
ส่วนประกอบในปัสสาวะมี 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1.กลุ่มสารหรือของเสียที่ร่างกายกำจัดออก (Metabolic waste) ที่เกิดจากการสันดาปของร่างกาย ได้แก่ ยูรีย จากกรเผาผลาญโปรตีนและกรดอะมิโน กรดยูริค (Urc acid) จากการสลายสารอาหารกลุ่มพิวรีน สารประกอบดิโตน (Ketone compounds) จากการสลายไขมัน
2.ยาหรืออนุพันธ์ของยาที่รับประทานเข้าไป
3.เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนออกมา
ส่วนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มปัสสาวะตนเอง
1.ปัสสาวะมีความเป็นกรด (มีค่า pH ประมาณ 5 – 6.5) หากดื่มในขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดผลสียต่อเยื่อบุผนังลำคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารได้
2.มีโอกาสได้รับสารอนุพันธ์ของตัวยา (ที่ร่งกายพยายามขจัดออกทางปัสสาวะ) กลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง เพิ่มความเสี่ยงของการสะสมยาในร่างกายมากเกินไป
3.มีความเสี่ยงของเชื้อโรคที่อาจปะปนมากับปัสสาวะ หรือ เกิดจากการจัดก็บปัสสาวะไม่ดี หรือ เก็บไว้เป็นระยะวลานานเกินไป
4.ประโยชน์อาจพบได้บ้างในปัสสาวะ คือ ฮอร์โมนบางประเภท เช่น urokinase ที่มีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดได้ แต่ก็เป็นปริมาณที่น้อยมาก
การดื่มน้ำปัสสวะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี ที่สำคัญคือ ทำให้มีการสะสมของเสีย (ซึ่งร่างกายต้องการขจัดทิ้งไปแล้ว) กลับเข้าไปหมุนเวียนเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่แนะนำให้ปฏิบัติ
ข้อมูล ณ วันที่ 9 กันยายน 2562
ที่มา : ศ. กิตติคุณ นพ.เกรียง ตั้งสง่า