จับหนุ่มอดีตพนักงานโรงพิมพ์ อาศัยประสบการณ์ทำงาน ปลอมแปลงแบงก์ร้อย แล้วไปเติมเงินที่ตู้เติมเงิน ทำมาแล้วหลายครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรสันทรายจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย พ.ต.ท.พูนทรัพย์ รวมสุข รอง ผกก.สส.จับกุมตัว นายดำรงค์ศักดิ์ วงค์ตาน้อย อายุ 38 ปี พร้อมด้วยของกลางธนบัตรปลอมฉบับละ 100 บาท หมายเลข 2ท1217595 จำนวน 5 ฉบับ และธนบัตรปลอมฉบับละ 100 บาท หมายเลข 9ต0225103 จำนวน 2 ฉบับ เครื่องปรินเตอร์จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์สมาร์ทโฟนอีก 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องโทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาที่ได้ใช้ธนบัตรปลอมใส่ในเครื่องเติมเงินแล้วโอนเงินเข้าเครื่องหมายเลขโทรศัพท์ของกลางดังกล่าว
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ก่อเหตุซึ่งเป็นตู้เติมเงินตามร้านค้าโชห่วยภายในหมู่บ้านในพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาได้สาธิตวิธีก่อเหตุตั้งแต่เริ่มนำธนบัตรปลอมมาใส่ตู้แล้วก็เติมเงิน และที่แปลกไปกว่านั้นก็คือตู้เติมเงินได้อ่านธนบัตรปลอมที่ผู้ต้องหานำมาใส่อีกด้วย
ทั้งนี้เมื่อช่วงเที่ยงของวานนี้ (4 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของตู้รับเติมเงินสดที่ได้เข้าไปเปิดตู้บัตรเติมเงินในตู้รับเงิน ผลปรากฏพบธนบัตรที่มีผู้ใช้บริการนำมาใส่ในเครื่องพบเป็นธนบัตรปลอมโดยเป็นฉบับละ 100 บาท จำนวน 29 ฉบับ รวมเป็นเงิน 2,900 บาท ผู้เสียหายทราบว่าเป็นฉบับปลอมจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายดำรงค์ศักดิ์เป็นผู้ที่ปลอมธนบัตรและนำไปใช้ใส่ในเครื่องเติมเงินอัตโนมัติที่จะมีวางไว้ประจำแต่ละร้านในชุมชนย่านที่เกิด จึงได้ติดตามไปจนพบผู้ถูกจับอยู่บริเวณบ้านจึงได้เข้าซักถามกระทั่งผู้ถูกจับยินยอมให้การรับสารภาพว่าตนได้เป็นผู้ที่กระทำความผิดตามข้อกล่าวจริง
นายดำรังศักดิ์ ผู้ต้องหาให้การว่าเดิมทีตนนั้นทำงานอยู่โรงพิมพ์ แต่เมื่อโควิดระบาดก็ต้องตกงานจากนั้นจึงได้นำประสบการณ์ที่เคยทำงานโรงพิมพ์มาก่อเหตุเริ่มต้นจากการนำธนบัตรฉบับละ 100 บาท มาวางถ่ายเอกสารด้านหนึ่งจากนั้นได้วัดระยะห่างตามขนาดเครื่องปรินต์แล้วกลับหน้ากระดาษเพื่อให้ถ่ายเอกสารอีกหน้าหนึ่งให้ตรงกับกระดาษที่ถ่ายไว้แล้วด้านหนึ่ง เมื่อถ่ายตรงกันทั้งสองด้านก็ได้ตัดออกมา จากนั้นก็ได้นำเงินปลอมดังกล่าวไปยอดเติมเงินตู้อัตโนมัติเพื่อโอนเข้าบัญชีตนเองหรือเติมเงินเข้าโทรศัพท์มือถือ กระทั่งถูกชุดจับกุมตรวจพบและขยายผลจนกระทั่งทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ทั้งนี้จากการจับกุมและคำรับสารภาพผู้ถูกจับยังได้ให้การโดยรวมว่าได้นำฉบับปลอมตามวิธีการดังกล่าวไปก่อเหตุจำนวน 3 ร้าน นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายจำได้อีกว่าผู้ต้องหาได้นำเงินปลอมไปยื่นเพื่อเติมเงินที่ร้านแต่ผู้เสียหายนั้นจับได้จึงต่อว่าผู้ต้องหาจากนั้นผู้ต้องหาเกรงกลัวความผิดจึงได้นำเงินธนบัตรปลอมที่เหลือไปทำการเผาเพื่อทำลายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีนายดำรงค์ศักดิ์ในฐานความผิด “ปลอมและใช้สิ่งของทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใดซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นโดยผิดกฎหมาย” จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป