วันที่ 7 พ.ค. 62 นางรัตตินันท์ อายุ 54 ปี พร้อมลูกชาย ลูกครึ่งญี่ปุ่น วัย 24 ปี และครอบครัว ชาว ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เปิดใจเล่าเหตุการณ์พลิกชีวิตของครอบครัว หลังจากลูกชายป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือ ลูคีเมีย ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ พาไปรักษาที่โรงพยาบาล ค่ารักษารวมเกือบ 7 ล้านบาท สุดท้ายได้รับเชื้อ HIV จากการถ่ายเลือดระหว่างการรักษา
นายโด้ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ผู้ติดเชื้อ HIV อาการล่าสุดมีรอยจุดแผลเป็นบริเวณแขนทั้ง 2 ข้าง ผลจากโรคภูมิคุ้มกัน และขณะที่พูดคุยก็มีอาการหอบตลอดเวลา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ติดเชื้อ HIV ตนก็ใช้ชีวิตลำบาก เพราะสังคมมองด้วยสายตารังเกียจ คิดว่าเป็นโชคร้ายของตนมาก ๆ เพราะตลอดชีวิตก็ไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
โดยตอนนี้อาการดีขึ้น กินข้าวได้ปกติ แต่กังวลว่าโรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องกินยาไปอีกนานแค่ไหน แต่รู้สึกเจ็บใจมากที่ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ที่อยู่ได้ก็เพราะกำลังใจ อย่างไรก็ตาม หลังเป็นข่าวชีวิตตนก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี เพราะมีคนให้กำลังใจเยอะมากขึ้น
ด้านนางรัตตินันท์ อายุ 54 ปี แม่ของผู้ป่วย เปิดเผยว่า ลูกชายป่วยเป็นลูคีเมีย ตอน 9 ขวบ กระทั่งอายุ 11 ขวบ ลูกชายได้เข้าคอร์สให้เกล็ดเลือด 14 ครั้ง กระทั่งได้รับเลือดถุงที่ 12 และ 13 หมอเจ้าของไข้ก็มาแจ้งว่าลูกของตนมีโรคแทรกซ้อน ต่อมาหมอได้เข้ามาถามแม่และพ่อว่าใครมีเชื้อ HIV หรือไม่ ซึ่งเมื่อตนไปตรวจก็ไม่มีใครเป็น และคาดว่าเชื้อน่าจะมาจากเลือด ดังนั้นที่โรงพยาบาลและครอบครัว พร้อมกับทนายความ 4 คน ได้เข้าร่วมพูดคุยกัน ซึ่งโรงพยาบาลยืนยันว่าจะรับผิดชอบและดูแลรักษาทุกอย่าง ซึ่งหลังจากนั้นลูกชายต้องทำคีโมและเรียนไปด้วย จนเริ่มเรียนไม่ไหวเนื่องจากอ่อนแรงจากการรักษา สุดท้ายก็ต้องออกจากโรงเรียนและพักรักษาตัวมาตลอด
ส่วนสามีของตนก็ทิ้งไปทำงานที่ประเทศเวียดนาม ประมาณ 3 ปีแล้ว อีกทั้งทิ้งพ่อสามีไว้ให้ตนเลี้ยงดูด้วย ตอนนี้ตนต้องใช้เงินเดือนละ 3-4 หมื่นบาท ซึ่งรายได้ของตนก็ไม่เพียงพอ ลูกชายก็ต้องสู้กับโรคมา 13 ปีแล้ว