“ก้าวไกล-ก้าวหน้า” ร่วมวางพวงมาลารำลึก 6 ตุลา เตือนรัฐมองเป็นบทเรียนอย่าทำซ้ำ พร้อมชงข้อเสนอคืนความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายจากคดีการเมือง
วันที่ 6 ต.ค. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และพรรณิการ์ วานิช ร่วมเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า วางพวงมาลารำลึกครบรอบ 46 ปี เหตุการณ์6 ตุลา 19 โดยบนพวงมาลามีจ้อความที่สอดคล้องกันคือ “ดาวศรัทธายังส่องแสงเบื้องบน” สำหรับพวงมาลาของพรรคก้าวไกล และ “ปลุกหัวใจปลุกคนอยู่มิวาย” บนพวงมาลาของคณะก้าวหน้า
หลังการร่วมพิธีทำบุญในช่วงเช้าตรู่และการวางพวงมาลาที่ลานปฏิมานุสรณ์ 6 ตุลา พิธาได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คือบทเรียนว่าสังคมไทยจะต้องร่วมกันทบทวนเงื่อนไขในการปราบปรามของรัฐ การรัฐประหาร ไปจนถึงการเข่นฆ่าประชาชน ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
พรรคก้าวไกล มีข้อเสนอทางการเมืองเพื่อให้ประเทศไทยสามารถเกิดความสมานฉันท์ ให้ความคิดที่แตกต่างกันอยู่ร่วมกันได้ในสังคมไทยจริงๆ และเหตุการณ์อย่าง 6 ตุลา ไม่เกิดขึ้นอีก นั่นคือจะต้องมีการคืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อคดีการเมือง ผู้ต้องคดีการเมืองต้องได้นับการยุติการดำเนินคดี ยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดและจะต้องมีการเสาะหาข้อเท็จจริง ทั้งในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 พฤษภา 35 และทุกเหตุการณ์การเมือง รวมถึงเหตุการณ์ในปี 2557 ด้วย
พิธายังกล่าวต่อไป ว่าในสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน รัฐยังคงใช้ความรุนแรงและมีความพยายามกดปราบประชาชนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการปราบปรามบนท้องถนนและการดำเนินคดีการเมืองกับกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งตัวเองขอเตือนว่ารัฐไม่อาจจะกดปราบและใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้ดังในอดีตอีกต่อไปแล้วเพราะประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไป
“ในสถานการณ์ที่แหลมคมเช่นนี้ ชนชั้นนำไทยเองกลับยังคงเห็นประชาชนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงเป็นอริราชศัตรู เดินหน้าใช้วิธีการปราบปราม เข่นฆ่า ยึดอำนาจ ซึ่งไม่ต่างไปจากเหตุการณ์ 6 ตุลาเลย ยังคงมีความพยายามในการออกใบอนุญาตฆ่า สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว และถ้ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จุดจบจะไม่เหมือนเดิมอย่างแน่นอน” พิธากล่าว
พิธายังระบุด้วย ว่าการคืนความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายจากคดีการเมือง แตกต่างจากการนิรโทษกรรม ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผู้ต้องหาคดีการเมืองถูกตัดสินให้มีความผิดแล้ว แต่ได้รับการ “นิรโทษ” คือพ้นจากโทษ แต่การคืนความเป็นธรรมคือการทำให้ผู้ถูกกล่าวหาไม่ต้องมีคดีติดตัว ไม่ต้องถูกตัดสินตีตราว่าผิด รวมถึงไม่ต้องรับโทษ ซึ่งการ “คืนความเป็นธรรม” เป็นนโยบายหลักของพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลก็จะยังคงผลักดันการแก้กฎหมายมาตราที่ละเมิดสิทธิของประชาชน ใช้กลั่นแกล้งผู้เห็นต่าง ทั้งมาตรา 112 และ 116 รวมถึง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ โดยที่ผ่านมาก็ได้เสนอร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเข้าสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว