อธิบดีกรมอนามัย แนะวิธีสังเกตอาการ หากเผลอกิน “ฟอร์มาลิน” ในอาหารทะเลเข้าไป ชี้พบมากสุดในปลาหมึกกรอบ รองลงมาปลาหมึก-แมงกะพรุน-กุ้ง
วันที่ 22 ม.ค. 66 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการหลายรายมักจะใช้วิธีการผิดๆ ในการเก็บรักษาอาหารทะเลให้คงความสด และชะลอการเน่าเสียด้วยการแช่สาร “ฟอร์มาลิน” ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย
จากการสำรวจข้อมูลการตรวจรายการวิเคราะห์ปีงบประมาณ 2563 ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวนทั้งหมด 14,046 ตัวอย่าง พบการปลอมปนของ “ฟอร์มาลิน” 705 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 5.02 โดยพบมากที่สุดในปลาหมึกกรอบ ร้อยละ 31.35 รองลงมาคือ ปลาหมึก ร้อยละ 2.36 แมงกะพรุน ร้อยละ 1.55 และกุ้งร้อยละ 0.14 ตามลำดับ
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า พวกเราในฐานะผู้ซื้อ ควรเลือกแหล่งจำหน่ายอาหารทะเลที่น่าเชื่อถือ และมั่นใจในคุณภาพได้เท่านั้น แต่หากเผลอรับประทานอาหารทะเลที่มีการใส่สาร “ฟอร์มาลิน” เข้าไปแล้ว อาการเริ่มต้นเมื่อกินอาหารทะเลที่มี “ฟอร์มาลิน” มากเกินไป อาจทำให้เกิดพิษต่อระบบทางเดินอาหาร อาจมีอาการที่แสดงออกมา ดังต่อไปนี้
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- หัวใจเต้นเร็ว
- แน่นหน้าอก
- ปากและคอแห้ง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ถ่ายท้อง ปวดท้องอย่างรุนแรง
- กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
- ปัสสาวะไม่ออก
- หมดสติ
- ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจเสียชีวิต เพราะระบบหมุนเวียนเลือดล้มเหลว
สำหรับวิธีหลีกเลี่ยงอาหารทะเลแช่ “ฟอร์มาลิน”
- ควรเลือกซื้ออาหารทะเลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดที่ได้มาตรฐาน ตลาดสดน่าซื้อของกรมอนามัย
- ควรสังเกตอาหารทะเลที่จะเลือกซื้อ เช่น เลือกปลาที่เนื้อแน่น กดไม่บุ๋ม ไม่มีกลิ่นคาว เกล็ดไม่มีรอยแยกหรือแตกออก เลือกซื้อปู ตาต้องใส และขาต้องติดตัวปูครบทุกขา เลือกซื้อกุ้ง หัวกุ้งต้องใส หัวกับตัวจะยังติดกันแน่น และไม่ซื้ออาหารทะเลที่เป็นมีพิษ เช่น ปลาหมึกบลูริง
- อาหารทะเลที่จำหน่าย ควรแช่เย็นหรือแช่น้ำแข็งที่สะอาด และต้องทำความสะอาดภาชนะด้วยน้ำผสมน้ำคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค
- เมื่อซื้ออาหารทะเลมาแล้ว หากไม่กินทันที ควรเก็บใส่ตู้เย็นเพื่อชะลอการเน่าเสีย ก่อนนำมาปรุงอาหารต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
- การกินอาหารทะเลให้เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนใหม่ๆ หลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ และควรแยกอาหารทะเลที่ปรุงสุกและที่ยังไม่สุกออกจากกัน