ทนายเตือน! เตือนเทรนด์ฮิตชาวจีน แต่งเครื่องแบบชุดนักเรียน เสี่ยงผิดกฎหมายโดนโทษปรับ หากปักอักษรย่อ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นนักเรียน
เมื่อไม่นานมานี้ (18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา) ดาราสาวจากเมืองมังกร อย่าง จวีจิ้งอี หรือ เสี่ยวจวี นักร้องนักแสดงหญิง อดีตสมาชิกของวง SNH48 โด่งดังจากบทบาท “นางพญางูขาว” ก็ได้มาท่องเที่ยวในประเทศไทย และซื้อนักเรียนไทย ปักเป็นชื่อตัวเองในภาษาไทย ว่า “จวีจิ้งอี 991” ก่อนจะสวมท่องเที่ยวในใจกลางเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพมหานคร
เรียกว่าแฮปปี้สุดๆ เพราะหลังจากกลับเมืองจีนแล้ว เธอยังได้ย้อนเช็กอินภาพตัวเองในชุดนักเรียน รัว พร้อมบอกอีกด้วยว่า “คิดถึง” จนทำให้หนุ่มสาวชาวจีนต่างเดินทางมาซื้อชุดนักเรียนแต่งตามกันมากมาย
แต่รู้หรือไม่ว่า หากใส่ชุดนักเรียน โดยมีการปักชื่อหรืออักษรย่ออาจมีความผิดตามกฎหมายและมีโทษปรับได้
วันที่ 8 มี.ค.66 ทนายรัชพล ศิริสาคร ให้ข้อมูลว่า แต่งชุดนักเรียนโดยที่ไม่ได้เป็นนักเรียน อาจมีความผิดได้ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตาม พรบ.เครื่องแบบนักเรียน 2551 มีหลักว่า ถ้าไม่ใช่นักเรียนแต่แต่งกายเลียนแบบเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นนักเรียน มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
เช่น ถ้าหากปักตัวย่อซึ่งอาจไปตรงกับตัวย่อของโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ถ้าหากปักชื่อของตัวเอง และไม่มีความเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาก็สามารถปักได้ไม่มีความผิด
'ตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ. 2551 มาตรา 7 ผู้ใดแต่งเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่มีสิทธิที่จะแต่งหรือแต่งกายเลียนแบบเครื่องแบบนักเรียน ถ้าได้กระทำเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักเรียน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท'
ทางด้านของ คุณ เย็นจิตร เจ้าของร้านเครื่องแบบชุดนักเรียนให้ข้อมูลว่า กระแสชุดนักเรียนไทยในจีนนั้น เริ่มมีตั้งแต่ก่อนช่วงโควิด-19 คาดว่ามาจากภาพยนตร์ไทย ที่นำไปฉายที่จีนจนคนชื่นชอบอย่างมาก แต่กระแสแต่งชุดนักเรียนก็มาสะดุดในช่วงการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมาตรการปิดประเทศ กลุ่มสาวชาวจีนประมาณ 4 คนได้เดินทางมาซื้อเสื้อนักเรียน สวมใส่เดินเที่ยวกรุงเทพฯตามวัดสถานที่ท่องเที่ยว
ดีใจที่กระแสชุดนักเรียนกลับมา รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นอะไรตามปกติ ส่วนกระแสก็มีแค่ชาวจีนที่มาซื้อนอกนั้นก็นักเรียนเปิดเทอมก็มาซื้อตามปกติ กลุ่มสาวชาวจีนได้ซื้อชุดประถมหญิง จำนวน 4 ชุด สำหรับความรู้สึกดีใจ ที่ชาวจีนชอบชุดนักเรียนของไทย แล้วได้บอกต่อกันไป คุณ เย็นจิตร กล่าว