“นฤมล” ชูนโยบายพลังประชารัฐ 3700 สร้างการจดจำ เตรียมเปิด 10 เวทีปราศรัยใหญ่ก่อนปิดเวทีที่กรุงเทพ 12 พ.ค.นี้
วันที่ 5 เม.ย. 66 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการที่ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับหมายเลข 37 เพื่อใช้หาเสียงในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคบอกจดจำง่าย เป็นการสื่อสารให้กับประชาชนได้เลือกพรรคพลังประชารัฐได้ อย่างน้อย 3700
โดยเลข 3 มาจาก 3,000 เป็นสวัสดิการเบี้ยผู้สูงอายุ ส่วนเลข 7 มาจาก 700 บัตรสวัสดิการของรัฐ ดังนั้นทำให้จำง่ายๆ เลือกลุงป้อม 3700 แต่จะใช้เป็นแคมเปญใหม่หรือไม่ ตอนนี้กำลังหารือกับผู้สมัคร เพื่อจะบอกกับประชาชน พลังประชารัฐ 3700 ตอนนี้ทุกอย่างจะผูกให้เป็นหมายเลข 37 คือ 3 นโยบายเร่งด่วน 7 นโยบายเร่งรัด
นางนฤมล กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พอใจกับเลข 37 หลายคนก็บอกเป็นเลขมงคล 3 + 7 เป็น 10 เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับพรรคและหัวหน้าพรรค และส่วนตัวก็เชื่อว่า เป็นเลขที่ดี อีกทั้งจะเป็นการสร้างการรับรู้ว่าพรรคพลังประชารัฐ 3700 รวมทั้งหมอดูต่างๆ กล่าวว่า เลข 37 เป็นเลขมงคลที่ถูกโฉลก จะทำให้ได้รับชัยชนะ โดยต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ หลังจากเห็นเลข 37 ว่าจะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ นอกจากต้องช่วยกันจำ เวลาไปคูหากาบัตรเลือกตั้ง ต้องมองหาโลโก้และชื่อพรรค เป็นการจดจำง่ายขึ้น
ในส่วนของผู้สมัครมีหมายเลขของตัวเองเช่นกัน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการสื่อสาร ของผู้สมัคร ซึ่งตอนนี้หลายคนได้เริ่มทำคลิปส่งมาให้ดู เป็นภาพของหัวหน้าพรรค และเลข 37 ส่วนผู้สมัครก็จะขึ้นตัวเลขของเขา เป็นการประชาสัมพันธ์คู่กัน ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่สร้างความสับสนแน่นอน เพราะประชาชนได้รับการชี้แจงแล้วว่าจะต้องเลือกตั้งบัตรสองใบ คนละเบอร์
นางนฤมล กล่าวว่า สำหรับการปราศรัยของพรรคมีอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ที่จะมีการจัด 10 เวทีใหญ่ตามจังหวัดต่างๆ รวมถึงเวทีย่อยอีกเป็น100 และจะปิดการปราศรัยเวทีสุดท้ายที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ประชุมวางไว้ วันที่ 12 พ.ค. อาจจะเป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยวันที่ 7 เม.ย.นี้ จะมีจัดปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จะที่สวนเบญจกิติ จากนั้นวันที่ 8 เม.ย. 66 เป็นเวทีใหญ่ จ.สมุทรสาคร พรรคพลังประชารัฐได้เบอร์หนึ่งทั้งสามเขต สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ตนจะลงไปช่วยในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปพูดเรื่องนโยบายให้ชาวภาคใต้ได้รับรู้กับนโยบาย 3700
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแข่งขันของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต กรุงเทพฯ จากการเราประเมินอย่างน้อย 12 ถึง 14 เขต ที่มีโอกาสชนะสูง เพราะ กกต. แบ่งเขตใหม่หมด คู่แข่งเองก็ถูกโยกเขตไม่เคยทำพื้นที่ เรามีโอกาสสู้ และมีความได้เปรียบแม้จะเป็นพื้นที่ใหม่ทั้งหมด