อิมแพ็คฯ แตก! พรรคเพื่อไทย ปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย คนแห่ฟังกว่า 1.5 หมื่นคน “แพทองธาร” ย้ำ 14 พ.ค. เข้าคูหากา “เพื่อไทย”
วันที่ 12 พ.ค. 66 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี พรรคเพื่อไทย จัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย “เลือกเพื่อไทย แลนด์สไลด์ประเทศไทย เปลี่ยนทันที”
โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ตั้งแต่เริ่มเปิดประตูในเวลา 16.00 น. และเพียงแค่ 30 นาที พี่น้องประชาชนมากกว่า 1.5 หมื่นคน เข้ามาจับจองพื้นที่ ทั้งบนอัฒจันทร์ และพื้นที่ด้านล่างเต็มทันที
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องมีแคนดิเดตถึง 3 คน เป็นเพราะเกมการเมืองที่ประมาทไม่ได้ เพื่อไม่ให้ถูกเล่นงานทางการเมือง และเสี่ยงยุบพรรคอีก แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่สนับสนุนกติกาที่ไม่ยุติธรรม แต่ก็ต้องสู้กับกติกาที่ไม่ยุติธรรม พร้อมย้ำไม่ต้องกลัวผิดหวัง เพราะแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยกันแก้วิกฤตให้คนไทยแน่นอน
น.ส.แพทองธาร กล่าวทิ้งท้ายว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้ฝากความคิดถึง และคำขอบคุณถึงพี่น้องประชาชนที่ยังคงนึกถึงกันตลอด “ท่านพูดว่า ถ้าพ่อกลับมาติดคุก แล้วระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วเพื่อไทยขอคำแนะนำ หวังว่ามันสมองท่านจะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้” อย่างไรก็ตามวันที่ 14 พ.ค.นี้ เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ พาพรรคเพื่อไทยเข้าทำเนียบ เปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้นได้ทันที
ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยอีกคน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เราจะต้องชนะให้มากกว่าทุกครั้งที่เราเคย ให้มากพอที่จะทำให้ ส.ว.ทำตามฉันทามติของประชาชน โดยไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป เราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์กับพวกเรา เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน จะทำงานหนัก จัดตั้งรัฐบาลที่โปร่งใส เราจะใช้ทุกวินาทีอย่างมีค่า ใช้จ่ายภาษีทุกบาททุกสตางค์อย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทุกคน
“ผมขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ชัวร์ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง เราจะทำให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ ให้ประชาธิปไตยเป็นใหญ่ ให้นักการเมืองฟังเสียงของประชาชน และผมขอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย” นายเศรษฐา กล่าวปิดท้าย