“ส.ว.เสรี” ชี้ “สุชาติ ตันเจริญ” เหมาะเป็น ประธานสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ลั่นไม่มีใครจ่ายเงินซื้อแลกโหวตนายกได้
วันที่ 28 มิ.ย. 66 นาย เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พรรคก้าวไกลและ พรรคเพื่อไทย กำลังเจรจาต่อรองเรื่องเก้าอี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า
เป็นเรื่องการตกลงของแต่ละพรรคว่าจะให้ตำแหน่งอะไร ความแตกแยกคงไม่ถึงกับรุนแรงอะไร เพราะทางการเมืองการมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยหลักแล้วถ้าไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน ก็จะต้องใช้เสียงในสภาฯ เพื่อตัดสินปัญหา
เมื่อถามว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรควรจะมีคุณสมบัติอย่างไร นายเสรี กล่าวว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ควรมีคุณสมบัติเหมือนกับกับประธานคนก่อนๆ ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เป็นที่เคารพเชื่อถือของบรรดาสมาชิกทุกพรรคการเมืองหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือการวางตัวที่เหมาะสม เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทุกพรรค ของคนทั้งสภาฯ แต่หากมีการแสดงในทางก้าวร้าว ทำเพื่อประโยชน์ของพรรคตัวเองหรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว สิ่งนี้ตนมองว่าจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม ทุกคนที่เป็นสมาชิกสภาก็นำข้อมูลนี้มาพิจารณาได้ เพราะจะกระทบต่อการทำงาน
เมื่อถามว่า มีการคาดการณ์ว่านาย สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย น่าจะได้ตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเสรี กล่าวว่า ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของนาย สุชาติ ตันเจริญ ถือว่ามีความสามารถ มีประสบการณ์ ทำมาหลายสมัย ไม่น่าจะติดขัดอะไร
เมื่อถามต่อว่า พรรคก้าวไกลมีความชัดเจนว่าจะเสนอชื่อนาย ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็น ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีความเหมาะสมหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ก็เสนอได้ เพราะมาจากแต่ละพรรคการเมืองที่เลือกตัวแทนขึ้นมา แต่การจะเป็นได้ดีหรือไม่ต้องดูที่ความรู้ ความสามารถและการวางตัว การแสดงออก ถ้าเทียบกันส่วนตัวมองว่านาย สุชาติ ตันเจริญ คงดีกว่า
เมื่อถามต่อว่า มีกระแสว่ามีพรรคการเมืองซื้อตัว ส.ว.เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายเสรี กล่าวว่า เป็นเพียงข่าว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครมาลงทุนกับ ส.ว.ได้ เพราะต้องเข้าใจว่าไม่สามารถจะปิดบังอะไรได้ เพราะสมัยนี้มีทั้งการอัดเสียง อัดคลิป ใครก็ตามถ้าหากคิดจะทำ ถือว่าคิดผิด ไม่น่าจะทำเรื่องเหล่านี้ และ ส.ว.ทุกคนไม่น่าจะซื้อได้ ถ้าให้ก็คือให้ ถ้าไม่ให้ก็คือไม่ให้ ถ้าเห็นชอบก็คือเห็นชอบ อยู่ที่เหตุผลตรงไปตรงมา
เมื่อถามย้ำว่า จะเอามาตรา 112 มาเป็นเหตุผลในการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า แค่เสนอเรื่องนี้ก็ขาดวุฒิภาวะแล้ว เพราะสิ่งที่เสนอและแสดงออกกันมาก็แสดงออกอยู่แล้วว่ากระทบกับสถาบัน เมื่อ ส.ว.ไม่เห็นด้วยก็เป็นเหตุเป็นผล แต่ไม่ควรเอาประชาชนมาทำให้เกิดการปะทะอะไรกัน การเป็นผู้นำประเทศถ้าต้องการให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งก็ควรเสนออะไรที่สร้างสรรค์ ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหา ความเห็นที่แตกต่าง แค่เสนอเรื่องนี้ตนก็เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะที่พูดกันมาตลอดต้องดูให้ดีแล้ว