หัวอกแม่ ลูกหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับสะใภ้ เชื่อลูกชายโดนมนต์เสน่ห์

3 ก.ค. 66

หัวอกแม่ ลูกหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับสะใภ้ เชื่อลูกชายโดนมนต์เสน่ห์

วันที่ 2 กรกฎาคม 2566 เมื่อเวลา 18.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง โดยได้รับการเปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตอันแสนเศร้า ของนางประภารัตน์ ศรีอนงค์อายุ หรือ ป้าโอ๋ 62 ปี ที่อยากเจอหน้านายคุณวุฒิ ศรีอนงค์ อายุ 28 ปี ลูกชาย หลังแยกออกไปอยู่กินฉันสามีภรรยากับนางสาวลลิตา จินตารุณ หรือ มะลิ อายุ 27 ปี ทิ้งผู้เป็นแม่ไปโดยไม่เหลียวแล ไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็ตัดขาดการติดต่อ ย้ายที่อยู่อาศัย โดยไม่แจ้ง จนทุกวันนี้ ผ่านมากว่า 1 ปี ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ  เพราะคิดถึงแต่ลูกชายเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ จนเติบใหญ่ส่งเสียเล่าเรียนจนจบชั้น ปวส.

หัวอกแม่ ลูกหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับสะใภ้ เชื่อลูกชายโดนมนต์เสน่ห์

นางประภารัตน์ ศรีอนงค์อายุ หรือ ป้าโอ๋ 62 ปี เล่าทั้งน้ำตาอาบหน้าว่า หลังจากที่สามีเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน เป็นช่วงที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกชายได้ 6 เดือน เคยจะถูกคนข้างห้องพยายามข่มขืน ตนต้องต่อสู้ดิ้นรนจนเอาตัวรอด เพื่อปกป้องตัวเองและลูกที่อยู่ในท้อง ตนต้องลำบากเลี้ยงดูเขามาอย่างดีในฐานะแม่ ทำให้มีความผูกพันกับลูกชายคนนี้มาก เมื่อเขาโตขึ้น เวลาที่เขากลับจากเรียนหนังสือ เขาก็จะเข้ามาหอมแก้มและกอดแม่ตลอด แต่เมื่อ 3 ปีก่อน ลูกชายได้รู้จักกับนางสาวรมิตา หรือ มะลิ และพาแฟนสาวมาอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยกัน ตนก็รักฝ่ายหญิงเหมือนลูกแท้ ๆ

หัวอกแม่ ลูกหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับสะใภ้ เชื่อลูกชายโดนมนต์เสน่ห์

แต่ในระยะหลัง ตนรู้สึกว่าลูกชายมีอาการเหม่อลอย และหลงใหลในตัวแฟนสาวคนนี้มาก ตนจึงเอารูปลูกชายและแฟนสาวไปให้พระเกจิในจังหวัดนนทบุรีดู ซึ่งอาจารย์ที่แจ้งว่าลูกชายของตนโดนมนต์เสน่ห์ กระทั่งอยู่มาวันหนึ่งตนได้เอาผ้าถุงคลุมหัวลูกชาย ปรากฏว่าลูกชายทำตาเขียวใส่ ตะคอกว่า "อย่ามาทำแบบนี้นะ คิดว่าโดนของเหรอ"  จากนั้นในวันที่ 3 สิงหาคม 2565 ทั้งสองคนก็ได้หอบเสื้อผ้าออกจากบ้าน ออกไปเช่าบ้านอยู่กันเองแถววัดสวนแก้ว ย่านบางใหญ่ ตนเองก็รู้สึกเสียใจ เพราะรักทั้งสองคนไม่น้อยไปกว่ากัน ตนจึงได้ชวนญาติไปเยี่ยมลูกชาย แต่ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ยอมให้ลูกชายออกมาพบตน ยอมเพียงให้พูดคุยผ่านรั้วเท่านั้น

หัวอกแม่ ลูกหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับสะใภ้ เชื่อลูกชายโดนมนต์เสน่ห์

ตนได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญ ขอให้ลูกชายออกมาข้างนอก เพื่อจะขอกอดให้หายคิดถึง ตนจึงเปิดประตูเข้าบ้านไป ทางครอบครัวฝ่ายหญิงก็ตะโกนไม่ให้เข้ามา ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเอาตัวตนออกไป และแจ้งข้อหาบุกรุก โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เอาเรื่อง แล้วพูดให้ตนฟังว่าลูกชายอายุ  20 กว่าแล้ว ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ปล่อยเขาไปเถอะ "หัวอกคนเป็นแม่ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ถามว่าจะตัดใจได้ไหม เพราะตนก็มีเพียงแค่เขาที่เป็นลูกชายคนเดียว”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส