"ชวน"เผยพรรคจะเหลือกี่คนก็ยังอยู่ ซัด 'เดชอิศม์' เคยอยู่พรรคเดียวกับทักษิณและเจ้าตัวยืนยันว่าทักษิณเรียกพบที่ฮ่องกงจริง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ สส.ประชาธิปัตย์เสียงแตกโหวตสวนมติพรรคให้ความเห็นชอบ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ได้มีการประชุมสส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนตีรถมาจากจังหวัดตรังตั้งแต่ 04.00น. เพื่อให้ทันการประชุม เพราะไม่อยากลงมติขัดต่อมติพรรค ตามที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าใครที่ขัดมติพรรคจะต้องลาออก ซึ่งตนไม่อยากลาออก
โดยบรรยากาศเมื่อวันที่ 21 นั้นเป็นไปด้วยดี และพล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเล่ บอกกับที่ประชุมว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้ร่วมรัฐบาล จึงต้องลงมติไม่รับ นายเศรษฐา ซึ่งมีบางคนพูดในที่ประชุมว่าอยากเป็นรัฐบาลแต่ไม่เป็นประเด็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรค จึงพูดกับที่ประชุมว่าเมื่อมีรัฐบาลต้องมีฝ่ายค้าน ดังนั้นเมื่อเราไม่ได้ไปรัฐบาลก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน ตนจึงขออนุญาตที่ประชุม ส่วนตัวคนเดียวขอลงมติไม่รับ โดยให้เหตุผลว่าตนสู้กับพรรคการเมืองเหล่านี้ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนมาพรรคเพื่อไทย เนื่องจากปัญหาทุกเรื่องปฏิบัติของภาคใต้ และจังหวัดที่ไม่เลือกพรรคเหล่านั้น เหมือนที่เคยได้ยินว่าจะพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคไทยรักไทยก่อนจังหวัดอื่นไว้ที่หลัง ซึ่งเป็นผลกระทบมาก
ซึ่งตนต่อสู้เรื่องนี้พร้อมทั้งขอร้องประชาชนอย่าเลือกพรรคที่แกล้งเรา และชาวบ้านก็ปฏิบัติตามที่ตนแนะนำ คือไม่เลือกพรรคเพื่อไทยมาหลายสมัย จะเห็นได้ว่าไม่ได้สส.ใต้เลย3สมัย ซึ่งเป็นผลมาจากการหาเสียงของเรา ดังนั้นหากเราทำสิ่งใดที่เป็นการสนับสนุนพรรคนี้ก็เหมือนกับเราทรยศคนใต้
"ผมยืนยันว่าในวันประชุมพรรคมีมติให้งดออกเสียง และไม่มีคน Walk Out แต่ที่ตนออกจากที่ประชุมก่อนเพราะต้องไปร่วมงานศพของนายเพชร โอสถานุเคราะห์ เนื่องจากคุณพ่อเป็นสส.ร่วมรุ่นกับผมมา"
ส่วนข้อกล่าวหาว่าเป็นพรรคอะไหล่ของรัฐบาลนั้น นายชวน ระบุว่า หัวหน้าพรรคได้ออกมาชี้แจงดีแล้วว่าเราไม่ใช่พรรคอะไหล่ แต่สำหรับพฤติกรรมคนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องยอมรับว่าประชาธิปัตย์เป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาแล้ว ส่วนที่ถูกมองว่าหาผลประโยชน์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเราก็เป็นพรรคที่ประชาชนหวังพึ่ง แม้ว่าในระยะหลังจะได้คะแนนเสียงน้อยมาก เคยแพ้มากที่สุดครั้งหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่เคยได้อย่างนี้ 25 เสียง ซึ่งเราไม่โทษกัน กรรมการบริหารพรรคชุดนี้ก็เป็นชุดที่เราเลือกมา ต้องมาทบทวนว่าเราจะฟื้นพรรคได้อย่างไร และเป็นความหวังดีของพรรคที่เห็นว่าเราไม่ควรไปร่วมรัฐบาล ตนไม่อยากให้พรรคของเราได้รับผลกระทบทั้งเกียรติภูมิและชื่อเสียง
" คิดดูแล้วกันคนในพรรคที่เป็นกำลังสำคัญทั่วประเทศจะรู้สึกอย่างไร ผมต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคที่ออกมาชี้แจงดีแล้ว ประกาศให้รู้ว่าไม่ได้เป็นพรรคอะไหล่ ส่วนพฤติกรรมของคนจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีกฎเกณฑ์กติกาของพรรคอยู่ "
ส่วนข้อเสนอให้ขับ 16 สส. เสียงส่วนใหญ่ออกจากพรรคนั้น นายชวน กล่าวว่าเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องตรวจสอบต่อไป ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบชี้แจงเรื่องนี้และต้องรอดูต่อไปว่าผู้ที่ลงมติจะชี้แจงอย่างไร ส่วนรอยร้าวระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ 2 กลุ่ม 2 ขั้ว นายชวน ย้ำว่า ตนไม่มีขั้ว เพราะตนก็เลือกกรรมการชุดนี้มา ซึ่งเป็นเรื่องของแนวทางที่เราอยากให้ เดินการเมืองอย่างสุจริต ที่พรรคอยู่มาได้ 77 ปี ไม่ได้อยู่เพราะโกงเก่ง ที่ผู้คนศรัทธาได้เพราะเรามีความซื่อตรง ไม่โคตรโกงและไม่โกงทั้งโคตร ยึดหลักความถูกต้องชอบธรรมมันก็อยู่มาได้ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของพรรคที่อยากให้รักษาไว้ต่อไป
"ผมบอกว่าไม่ผิดอะไรความอยากเป็นรัฐบาลไม่ผิดอะไร เพียงแต่กระบวนการไปร่วมรัฐบาลต้องผ่านการประชุม สส.และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผ่านเข้ามา ผมได้ถามหัวหน้าพรรคว่ามีใครไปเจรจาขอร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่มี"
ทั้งนี้นายชวนยังชี้แจงว่าตอนพรรคก้าวไกลเสนอ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์งดออกเสียง เพราะพรรคแกนนำไม่เคยประกาศว่าไม่เอาเรา แต่ตอนนี้นายเศรษฐาประกาศด้วยตนเองว่าไม่มีประชาธิปัตย์ เราคิดว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากได้ประชาธิปัตย์ และเราก็มีเสียง 25 เสียง ควรมาตั้งหลักและฟื้น
"ต้องยอมรับว่าตอนที่เราสู้กับพรรคเพื่อไทย และนายทักษิณ ชินวัตร นายเดชอิศม์ ก็อยู่ในพรรคนั้น เราเรียกร้องความเป็นธรรมว่าคนภาคใต้ถูกกลั่นแกล้ง ฉะนั้นความคิดจึงต่างกันตั้งแต่ต้น เราสู้เพื่อขอความเป็นธรรมให้ภาคใต้ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ผมจึงขอทำหน้าที่ ไม่ทรยศต่อคนภาคใต้ "
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีโอกาสร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ในอนาคตไม่แน่ ตนไม่ทราบ แต่ปัจจุบันไม่มี หากมติกรรมการบริหารพรรคและสส.อยากไปร่วมในตอนนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ขณะนี้คงไม่มี
พร้อมกันนี้ นายชวน ยังเปิดเผยว่าตนได้ถามในที่ประชุมกรณีกระแสข่าวที่นายเดชอิศม์ เดินทางไปพบกับนายทักษิณที่ฮ่องกงว่าจริงหรือไม่ ซึ่งนายเดชอิศม์ ยอมรับว่าไปฮ่องกงจริง แต่ไม่ได้เดินทางไปพบนายทักษิณ แต่เมื่อนายทักษิณทราบว่านายเดชอิศม์ ไปฮ่องกงจึงเรียกไปพบ ซึ่งนายเดชอิศม์ ยืนยันว่าไม่ได้ไปเพื่อเจรจาร่วมรัฐบาล
เมื่อถามว่าพรรคยังไม่แตกใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่ามันเหลือเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไม่เป็นไรมีกี่คนตนก็อยู่ เว้นแต่ตนถูกขับ อยู่มา 17 สมัย ไม่ใช่ใครทำได้ทุกคน ในการจะชนะด้วยระบบเลือกตั้ง ท่ามกลางการเมืองที่ผันผวน และอิทธิพลนอกรูปแบบ.