“วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ถาม ไม่เจอ “ส่วย” รถบรรทุกแล้วจริงหรือ? เจ้าตัวมั่นใจ ยังมีอยู่ จี้ ผบช.ก.แจงปมลงโทษ ตำรวจทางหลวงกว่า 40 นาย
วันที่ 5 ก.ย. 66 นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊ก “Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ระบุว่า “กรณีที่ พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อ 4 ก.ย. 2566 ว่า ขณะนี้ไม่พบการเก็บ ส่วยสติกเกอร์แล้ว แต่หากประชาชนพบการกระทำความผิดสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการได้ทันที”
“ก็ต้องยอมรับว่า 1. การเรียกรับ ส่วยในลักษณะข่มขู่กรรโชกทรัพย์ และหาเรื่องรังแกผู้ประกอบการขนส่ง ลดลงบางส่วนจริง อันนี้ก็ต้องชื่นชมผลงานของท่าน ผบช.ก. และต้องไม่ลืม พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง แต่อย่างไรก็ตาม การขอเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ ตำรวจบางนาย และเจ้าหน้าที่ด่านชั่งบางคน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการบรรทุกผิดกฎหมาย และการค้าสำนวน เพื่อทำสำนวนคดีให้อ่อนลง ก็ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หมดไปเสียทีเดียว”
“2. กรณีที่ ผบช.ก. บอกว่าไม่พบสติ๊กเกอร์แล้วนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะปัจจุบันสัญลักษณ์การจ่าย ส่วยได้เปลี่ยนจากติดสติ๊กเกอร์ หน้ารถแบบโจ่งแจ้ง ไปเป็นสัญลักษณ์อย่างอื่นที่จับยากขึ้นแล้ว เช่น การติดสติ๊กเกอร์ในตัวรถ พวงกุญแจ หรือการโชว์ข้อความในกลุ่ม LINE ที่ยืนยันว่าส่งส่วยประจำเดือนแล้ว ก็ยังคงมีอยู่”
“3. พรรคก้าวไกลได้ยื่นญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทางหลวง การขนส่งทางบกทั้งหมดที่ล้าสมัย ไม่สมเหตุสมผล โทษไม่สมสัดส่วน และมักจะถูกนำมาใช้รีดไถ ข่มขู่ประชาชนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการรอบรรจุเป็นวาระการประชุม และเชื่อว่าหากมีการผลักดันการแก้ไข กฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้น ปัญหาในการเรียกเก็บ ส่วย และการรีดไถประชาชน ก็จะทุเลาเบาบางลงอย่างยั่งยืน”
“4. อีกประเด็นหนึ่งที่ ผบช.ก.ควรแถลง และชี้แจงต่อประชาชนก็คือ ตำรวจทางหลวงที่ถูกย้ายไปกว่า 40 นาย หลังจากสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว มีที่ถูกดำเนินคดีอาญา และถูกลงโทษทางวินัยทั้งสิ้นกี่นาย เพราะการโยกย้ายที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นเพียงการย้ายเพื่ออำนวยความสะดวกในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเท่านั้น ผมยืนยันว่า เรื่องนี้หากมี ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ก็ต้องมีการดำเนินคดีอาญา และดำเนินการทางวินัยอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่แค่ย้ายไปลดกระแสสังคม พอเรื่องเงียบแล้วก็ย้ายกลับมา ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผบช.ก. จะแถลงให้ประชาชนได้ทราบในเรื่องนี้ต่อไป”