"โกศลวัฒน์"รองโฆษกอัยการ เผย อธ.อัยการปราบทุจริตฯส่งหนังสือด่วนถึงเลขาฯป.ป.ช.ขอศาลออกหมายจับ "อิทธิพล คุณปลื้ม" ฉบับใหม่ ชี้ พรป.ปปช.61 ไม่ให้นับอายุความ
เมื่อวันที่ 7 กันยายน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเรื่อง ขอให้ดำเนินการออกหมายจับใหม่ ถึง เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ความว่าสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือขอให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เพื่อขอออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายพิเชษฐ อุทัยวัฒนานนท์ , นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย ,นายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 1-4 , 6
เนื่องจากผู้ต้องหาที่ 1,2,3,4,6 มีพฤติการณ์หลบหนี ไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. และตามหนังสือที่อ้างถึง ท่านได้แจ้งผลการดำเนินการขอออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2
โดยแจ้งว่าศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1,2,3 และมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 4,6 นั้น
กรณีศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-3 นั้น พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 2พิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 7บัญญัติไว้ว่า “…ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไป ในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ…” ประกอบมาตรา 13 แห่ง พรบ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 และตามหนังสือที่อ้างถึง (1) พนักงานอัยการ ได้แจ้งให้ท่านดำเนินการขอออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาโดยขอให้ท่านขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด ตามสำเนาตัวอย่างหมายจับที่พนักงานอัยการแนบไปพร้อมกับหนังสือที่อ้างถึง (1) แต่ปรากฎว่าตามสำเนาหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2ที่ จ. 23-25/2566, ลงวันที่ 5 กันยายน 2566นั้น ศาลไม่ได้ระบุหมายเหตุดังกล่าวไว้แต่อย่างใด
ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 2 จึงขอให้ท่านดำเนินการขอออกหมายจับ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ,นายพิเชษฐ์ อุทัยวัฒนานนท์ และ นายวิทยา ศิรินทร์รชัย ผู้ต้องหาที่ 1-3 ต่อศาลอาญา
คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2ใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้ท่านขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด
สำหรับกรณีนายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 5-6 ที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับนั้น เนื่องจากคดีนี้จะครบกำหนดอายุความฟ้องร้องในวันที่ 8 กันยายน 2566 ดังนั้น จึงขอให้ท่านมีหนังสือแจ้ง นายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4,6 ให้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 โดยให้พนักงานไต่สวนผู้ประสานงาน (นายอภิรัฐ คงเจริญ นำตัวผู้ถูกกล่าวหาที่ 4,6 ไปส่ง และยืนยันตัวผู้ถูกกล่าวหาต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 7 กันยายน เวลา 10.00 น. เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 4,6 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 พร้อมทั้งให้ผู้ต้องหาที่ 4,6 เตรียมหลักประกันเพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ในชั้นศาลด้วย
นายโกศลวัฒน์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากมีการถกเถียงกันเรื่องปัญหาอายุความ สะดุดหยุดลงหรือไม่หากมีการหลบหนี เพราะคดีนี้เกิดก่อนกฎหมายปราบปรามการทุจริตแก้ไข อัยการจึงเห็นว่าอำนาจในการออกหมายจับเป็นของศาล จึงควรดำเนินการให้ชัดเจนเสนอให้ศาลเพื่อโปรดพิจารณา จะได้เป็นแนวทางให้ผู้ปฏิบัติ ทำหน้าที่กันได้อย่างถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายวานว่าสำหรับข้อหาในคดีนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถูก ปปช.ชี้มูลกระทำความผิดส่งอัยการฟ้อง เมื่อครั้งดำรงตำเเหน่ง นายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 เเละอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการไม่ถึง 1 เดือน.